POLITICS-GENERAL

มาตามนัด! ‘วิโรจน์’ ยื่นหนังสือ ‘กรมสรรพากร’ ถามปม ‘ตั๋ว PN’

มาตามนัด! “วิโรจน์” ยื่นหนังสือ “กรมสรรพากร” จี้ อธิบดี- คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ทำเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัด บอก “ตั๋ว PN”ไม่ผิด

วันนี้ (28 มี.ค.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสรรพากร ผ่าน นางสาวนลพรรณ ธงมรกต เลขานุการกรมสรรพากร เพื่อขอให้วินิจฉัยการใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋ว PN) ในการซื้อหุ้นของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และตรวจสอบว่าพฤติการณ์ใดเข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพราง หลบเลี่ยงหรือหลีกเลี่ยงภาษีที่ผิดกฎหมาย

กรมสรรพากร

นายวิโรจน์กล่าวว่า เรื่องนี้ ต้องมีการวินิจฉัยอย่างเป็นทางการ และเป็นลายลักษณ์อักษร ว่าการกระทำในลักษณะอย่างนี้ เข้าข่ายเป็นการทำนิติกรรมอำพราง เจตนาที่แท้จริงคือการ ‘รับให้’ หุ้นของบุคคลในครอบครัว แต่ใช้ตั๋วสัญญาใช้เงิน หรือใช้เครื่องมือทางการเงิน เพื่อทำนิติกรรมอำพราง เปลี่ยนเจตนาที่แท้จริงคือการรับให้ เป็นการซื้อขายเพียงแค่รูปแบบ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้ 5% ใช่หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ถือว่าสำคัญมาก นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นผู้นำประเทศ ที่ถืออำนาจรัฐ เป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นประมุขฝ่ายบริหาร และเป็นประธานคณะกรรมการนโยบาย การเงินการคลัง โดยตำแหน่งด้วย ซึ่งถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียต่อสาธารณะ ในเรื่องของวินัยการเงินการคลังอย่างชัดเจน

ส่วนที่ นายปิ่นสาย สุรัสวดี อธิบดีกรมสรรพกร ชี้แจงแล้วว่า สามารถทำได้ เป็นการชี้แจงในลักษณะที่ปักใจเชื่อไปแล้วว่า นี่คือการทำธุรกรรมซื้อขายกันจริงๆ แต่ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยเลยว่า นี่เป็นนิติกรรมอำพราง สังเกตหรือไม่ว่า นายปิ่นสาย ชี้แจงในลักษณะที่ว่า ถ้าหากมีการชำระเงินตามตั๋ว PN ทางผู้ขาย ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวหากมีกำไร จากการขายหุ้น ก็ต้องไปคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90-91 แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่เป็นข้อสงสัยของสาธารณะ แต่ประเด็นคือ นี่ไม่ใช่การซื้อขายกันจริงๆ ใช่หรือไม่ เป็นเพียงการทำธุรกรรมซื้อขายทิพย์ หรือซื้อขายปลอม เป็นการซื้อขายเพียงแค่รูปแบบ เพื่อบดบังเจตนาที่แท้จริง นี่คือการรับให้หุ้นจากครอบครัว หรือได้หุ้นมาจากการให้ ของพี่สาว , พี่ชาย , ลุง , ป้าสะใภ้ และแม่ ถ้าหากเป็นการรับให้ ส่วนที่เกิน 20 ล้านก็ต้องเสียภาษี 5% ส่วนที่เกิน 10 ล้าน ก็ต้องเสียภาษีในอัตรา 5%

ดังนั้น การวินิจฉัยให้เป็นลายลักษณ์อักษรและเป็นทางการ จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะประชาชนสงสัย ว่าหากทำตามนายกรัฐมนตรี เช่น เจ้าของกิจการที่กำลังจะโอนหุ้นให้กับลูกมูลค่า 20 ล้าน เปลี่ยนใจไม่โอนหุ้นให้ลูกแล้ว แต่ให้ลูกออกตั๋ว pn หรือการทำสัญญาเงินกู้อื่นใด แลกกลับมาโดยที่ไม่มีกำหนดชำระ และไม่มีอัตราดอกเบี้ย ในลักษณะนี้จะทำได้หรือไม่  กรมสรรพากรจะไม่เลือกปฏิบัติใช่หรือไม่ จะไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่สรรพากรไปเรียกเก็บภาษีรับให้กับประชาชนรายนั้น ใช่หรือไม่

ส่วนการประเมินรายได้ของบุคคล ที่กรมสรรพากรก็ไม่ได้มีการเผยแพร่ออกมาเป็นรายบุคคลอยู่แล้ว นายวิโรจน์กล่าวว่าเรื่องนี้จำเป็นต้องชี้แจงต่อสาธารณะ เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ถ้ากรณีนี้นางสาวแพทองธาร ทำได้ประชาชนทั่วไปก็ต้องทำได้ ไม่ได้หมายถึงเรื่องการโอนหุ้นอย่างเดียวยังรวมสินทรัพย์สินอื่นใด ที่มีการจดทะเบียน เช่นที่ดิน

ส่วนจะมีวิธีใดที่จะพิสูจน์ว่าไม่ได้มีการซื้อขายกันจริงๆ ตนบอกว่าต้องดูพฤติการณ์ ดูเจตนา ตนคิดว่าคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร สามารถที่จะตรวจสอบและสืบสวนสอบสวน ในกรณีนี้ได้ วันนี้ตนจึงทำหนังสือขอให้อธิบดีกรมสรรพากร ดำเนินการตามมาตรา 13สะตะ (3) ของประมวลรัษฎากร คือไปขอความเห็นเพื่อให้คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากรได้วินิจฉัย กรณีของนางสาวแพทองธาร ออกมาอย่างเป็นทางการ และเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้เป็นแนวปฏิบัติของประชาชนทั่วไป

เรื่องนี้สำคัญมาก ตอนนี้ทุกคนรู้ว่ากรมสรรพากร และหน่วยงานจัดเก็บภาษี จัดเก็บรายได้ของแผ่นดินมีการเร่งรัด การเก็บภาษีอย่างรัดกุมมากๆ พ่อค้า แม่ขายที่ขายก๋วยเตี๋ยว ขายข้าวแกง ก็มีเจ้าหน้าที่สรรพากรนับจานนับชามเพื่อขอขึ้นภาษีเพิ่มเติม อินฟูเอนเซอร์ ยูทูปเบอร์ ที่มีรายได้จาก การรีวิวสินค้า ก็ถูกเร่งรัดการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือในกรณีของพ่อค้าแม่ขายทั่วไปที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ถ้ารายได้เกิน 1.8 ล้านต่อปี ก็จะต้องถูกกรมสรรพากรเร่งรัด ให้จ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อถามว่า ต้องตรวจสอบการทำหน้าที่ของอธิบดีด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่าการให้ความเห็นของอธิบดี เบื้องต้นอาจจะมีการปักใจเชื่อโดยส่วนตัว ตนก็มาชวนให้ฉุกคิด และตั้งคำถามว่าทำไมเรื่องนี้ถึงเป็นเรื่องสำคัญ หากนางสาวแพทองธาร ทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนก็ทำบ้าง ซึ่งการมีช่องว่างทางกฎหมายมีหลักที่คิด 2 เรื่องคือ 1. คนที่ทำถ้าทำถูกกฎหมายต้องพร้อมเปิดเผย เพราะมั่นใจว่าสุจริตถูกกฎหมายและเป็นธรรม ส่วนคนที่ไม่กล้าแสดงตัว มีพฤติกรรมหลบๆซ่อนๆเพราะต้องระแวง เพราะไม่รู้ว่าผิดรู้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้าผิดกฎหมายก็สู้ได้เพราะตีความตามตัวอักษร 2.อะไรที่เป็นผลประโยชน์ต่อสาธารณะยิ่งทำมากยิ่งดีเช่นการซื้อประกันที่มีการบอกต่อๆกัน

ทั้งนี้ หากนางสาวแพทองธาร ทำถูกต้องแล้วประชาชนทุกคนทำตามสาธารณะได้ประโยชน์อะไร สุดท้ายเป็นผลกระทบร้ายแรงต่อการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน

ส่วนที่บอกว่า 2,900 ล้านบาท ได้ยื่นต่อปปช.แล้ว การยื่นกับ ปปช. เป็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน แต่ไม่ได้หมายความว่า การชำระภาษีถูกต้องครบถ้วน วันนี้ตนทำใจเป็นกลาง ต้องการฟังคำวินิจฉัย จากคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เพราะความเป็นธรรมถ้านายกรัฐมนตรี ที่เป็นประชาชนคนหนึ่งทำได้ แต่มีความเสียหายในการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน นั่นหมายความว่าต่อแต่นี้เป็นต้นไปภาษีการรับให้ จะไม่สามารถจัดเก็บได้เลย

ส่วนที่ว่าทำไมจะต้องใช้ตัว pn ทำไมไม่ใช้เป็นสัญญาเงินกู้ เพราะมีค่าอากรด้วย ถ้าสัญญาเงินกู้ทุก 2000 เสีย 1 บาท แต่จะมีเพดานที่10,000บาท แต่การเป็นหนี้ระดับร้อยล้านพันล้าน แต่มีเพดานค่าอากรอยู่ฉบับละ 10,000 บาท 9 ฉบับรวม 90,000 บาท แตาถ้าใช้ตั๋ว PN ค่าอากรฉบับละ 3 บาท ดังนั้นการที่เลือกใช้ตั๋ว PN เป็นการประหยัดค่าอากร จาก 90,000 ก็ไม่ต้องเสียเสียแค่ฉบับละ 3 บาท รวม 27 บาทเท่านั้นเอง

นายวิโรจน์ กล่าวว่า การทำสัญญา 9 ฉบับถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ก็ไม่ผิดแต่สะท้อนว่า มีการบริหารภาษีได้อย่างดุดัน และดุดันแบบไม่เกรงใจใคร และในกรณีของผู้ถือหุ้นที่ขายกันในราคาทุนไม่มีส่วนเกินหรือกำไร ก็ไม่ต้องชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

นายวิโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่า การที่มุ่งเป้าไปที่นางสาวแพทองธาร เพราะนางสาวแพทองธารไม่ใช่บุคคลทั่วไป เป็นนายกรัฐมนตรีและมีอำนาจรัฐ

ส่วนกรณีของนางสาวเบญจา หลุยเจริญ คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ไม่ได้มีคำวินิจฉัยออกมา แต่มีการไปร้อง นางสาวเบญจา แต่การให้ความเห็นของอธิบดี ในกรณีนี้ ไม่มีความรับผิดรับชอบ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น นายปิ่นสาย ไม่ได้ทำหน้าที่ให้กับใคร แต่ทำหน้าที่ให้กับประชาชน ฉะนั้นต้องวางตนให้มีความเป็นธรรมอย่างมาก ตามมาตรา 62 ของรัฐธรรมนูญด้วย คือการจัดทำระบบจัดเก็บภาษี ที่มีความเป็นธรรมต่อสังคม นายปิ่นสาย เพียงแค่ให้ความเห็นในเรื่องนี้ตนมองว่าคงไม่พอ แต่ควรมีลายลักษณ์อักษรปรากฏออกมาอย่างเป็นทางการ เพื่อหากเกิดผลกระทบ ต่อการจัดเก็บรายได้ของแผ่นดิน นายปิ่นสาย จะต้องเป็นผู้รับผิดรับชอบด้วย

สำหรับกรอบเวลา ตนมองว่าควรให้เวลาในการทำงาน โดยจะใช้กลไกของกรรมาธิการพัฒนาการเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎรติดตามความคืบหน้า เชิญอธิบดีกรมสรรพากร ผู้แทนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพราะกรณีนี้หากเป็นไปในแนวทางปฏิบัติของอธิบดีกรมสรรพากรภาษี การรับให้จะไม่สามารถจัดเก็บได้เลย ทั้งนี้ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้อย่างแน่นอนและสุดท้ายจริงๆอยากจะบอกว่า หลายคนตีความเจตนา คิดว่าตั๋ว PNเป็นเครื่องมือทางการเงิน ในการให้เครดิตระยะสั้น ไม่ได้ผิดอะไร แต่ต้องดูเจตนาที่แท้จริงว่าเป็นการซื้อขายจริงหรือไม่หรือสร้างการซื้อขายผิดรูปแบบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีการรับให้

“เจตนาที่แท้จริง เป็นการซื้อขายจริงก็ไม่ผิดแต่เจตนาที่แท้จริง คือการจงใจทำนิติกรรมอำพรางสร้างรูปแบบการซื้อขายขึ้นมาทั้งที่เจตนาที่แท้จริงคือการรับให้หุ้น ถ้าเจตนาเป็นนิติกรรมอำพรางยืนยันแล้วผิด ดังนั้นคนที่จะสืบสวนเรื่องนี้และมีคำวินิจฉัยออกมาว่า เงื่อนไของค์ประกอบและวิธีการอะไร ที่จะเข้าข่ายการทำผิดนิติกรรมอำพรางสร้างการซื้อขายที่ คือคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร คนสองคน​ คนนึงซื้อขายกันจริงๆกับคนนึงจงใจ ผลสัมฤทธิ์ก็อาจจะเหมือนกัน แล้วต้องย้อนไปเรื่องการยักย้ายถ่ายเทหุ้นของแพทองธาร กับคนอื่นๆด้วย”

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกต ว่ากำไร ที่ต้องจ่ายนั้น หากไปจ่ายในอีก 20 ปีก็สามารถทำได้ เพียงแต่ ต้องมองว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าค่าของเงินเฟ้อ อาจทำให้มูลค่าของกำไรลดลง

จากนั้นเวลา 11:30 น. นายวิโรจน์​ พร้อมด้วยนายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กรุงเทพฯ และ นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ จะเดินทาง​ เดินทางไปกรมที่ดิน เพื่อยื่นหนังสือขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินที่เป็นที่ตั้งของโรงแรม Thames Valley เขาใหญ่ของนายกรัฐมนตรีด้วย​ ซึ่งพรรคประชาชนได้อภิปราย ว่าสามารถครอบครองได้แต่ออกโฉนดไม่ได้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo