POLITICS-GENERAL

‘พิธา’ อัดรัฐบาล นโยบายแก้ฝุ่น ‘ช้าไป-น้อยไป-สายไป’

“พิธา” อัดรัฐบาล นโยบายแก้ฝุ่น “ช้าไป-น้อยไป-สายไป” ต้องมีแผนงานมาตั้งแต่ฤดูฝนแล้ว

วันนี้ (24 ม.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลว่า ช้าไป น้อยไป สายไป ซึ่งตนคิดว่า คนที่เป็นผู้นำประเทศตอนนี้ ถ้าแก้ปัญหาประเทศง่ายๆ เลย คือ ฝุ่น ไฟ ฝน พอฝุ่นหมด ไฟก็มา พอไฟหมด ก็น้ำท่วมอีก โดยการแก้ปัญหาฝุ่น ต้องมีแผนงานมาตั้งแต่ฤดูฝนแล้ว

13 18

นายพิธากล่าวว่า หากดูข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี ระหว่างวันที่ 1 – 22 มกราคม ไม่มีปีไหนเลยที่ค่าฝุ่นได้ค่ามาตรฐานเลย เกินมาตรฐานทุกปี และปีที่สูงที่สุดคือ 2564 รองลงมาคือ 2568 ถัดมาคือ 2567 จะเห็นได้ว่า ปัญหา PM 2.5 ที่เกิดขึ้นทั้งที่กทม. และทั่วประเทศ ในช่วงที่มีการเผาอ้อย และข้าว ซึ่งเมื่อเกิดความกดอากาศแน่นอนว่า ฝุ่นก็ตามมา

ตนมองว่า ควรจะมีโอกาสเตรียมตัวตั้งแต่ระดับนานาชาติ ซึ่งต้องประสานงานกัน ไม่ใช่พอฝุ่นมาแล้วค่อยต่อสาย ควรจะต่อสายกันตั้งนานแล้ว และต่อสายในระดับประเทศ เพราะในแต่ละพื้นที่มีปัญหาที่ต่างกัน และเมื่อมาในระดับท้องถิ่นก็มีปัญหาแตกต่างกัน ซึ่งถ้าวางแผนตั้งแต่ระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ตั้งแต่หลายเดือนก่อนจนถึงขณะนี้ อย่างน้อยที่สุดคือ สัปดาห์นี้คือ การเข้าถึงหน้ากาก เครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะในพื้นที่เปราะบาง เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า เรื่องการเมืองท้องถิ่นมีส่วนที่จะช่วยแก้ปัญหาได้

เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาได้เพียงเฉพาะหน้า สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวหรือไม่ รวมทั้งกรณีที่ชาวเน็ตไปขุดโพสต์ นโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า หากเป็นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่ต้นตอ

นายพิธา กล่าวว่า ก็คิดอยู่ว่าฝ่ายค้านที่พอจะสูสีกับฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน คือ พรรคเพื่อไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในสภาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งตนจำได้ว่า เคยอภิปรายเรื่องฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่เป็น สส.พรรคอนาคตใหม่ หมายความว่าผ่านมาแล้ว 4-5 ปี แล้วตอนพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็อภิปรายเรื่องนี้อย่างดุเดือดเผ็ดมันส์ แต่ปีนี้เข้าปีที่ 2 ของการเป็นรัฐบาลแล้ว ในความเป็นจริงก็ควรจะเตรียมตัวมานานมากแล้วในการบริหารจัดการ แต่กลับแย่ขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรม จนกระทั่งถึง เมื่อเช้านี้ หลังจากที่พรรคประชาชน กระทุ้งถึงได้มีแผนรับมือออกมา

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo