POLITICS-GENERAL

ปานปรีย์: ลงพื้นที่เกาะติดปัญหาภาคธุรกิจ – ชู ‘New Business Zone’ กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค 

“ปานปรีย์ พหิทธานุกร ” เดินสายรับฟังปัญหากลุ่มนักธุรกิจ พบแต่ละภาคมีปัญหาต่างกัน มั่นใจหากได้เป็นรัฐบาล พร้อมแก้ไขทันที พร้อมให้ความสำคัญจัดตั้ง New Business Zone กระจายความเจริญให้เสมอกันทุกภูมิภาค ประกาศลั่นไม่แตะเรื่องภาษี

ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ปรึกษาคณะกรรมการเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะอดีตผู้แทนการค้าไทย หนึ่งในมือเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยวันนี้ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ ที่จะเข้ามาช่วยด้านเศรษฐกิจของพรรค ไม่เพียงแต่ได้ชื่อว่านั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ หรือห้องประชุมเพียงเพื่อวางแผนการจัดการปัญหาเศรษฐกิจเท่านั้น

ดร.ปานปรีย์ ยังใช้จังหวะที่พรรคเดินสายหาเสียงในพื้นที่จังหวัดต่างๆ ไปพบปะนักธุรกิจและพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ พร้อมรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลนั่นคือแนวทางที่จะนำมาแก้ไขให้กับภาคธุรกิจและพี่น้องประชาชน นอกเหนือจากนโยบายที่พรรคจัดวางไว้

ดร.ปานปรีย์ เล่าว่าเป็นเรื่องที่ดีมากจากการลงพื้นที่หาเสียง โดยเฉพาะภาคใต้ ได้พูดคุยกันกับภาคธุรกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะชาวประมงมีปัญหามาก เวลานี้ภาคใต้ก็มีเรื่องประมง เรื่องราคายางพารา เรื่องของปาล์ม เป็นปัญหาของเกษตรกร ส่วนใหญ่ต้องการเรื่องของการขนส่งที่ยังไม่ครบวงจรซึ่งเขาก็ได้นำเสนอมา ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น ได้บอกกับนักธุรกิจว่าหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เรื่องที่เสนอมาไม่ว่าจะเป็น เรื่องอุตสาหกรรม เกษตร ท่องเที่ยว โลจิสติกส์ เรื่องหล่านี้จะจัดเป็นหมวดหมู่ ว่าปัญหาแต่ละเรื่องคืออะไร

เป็นรัฐบาล
ปานปรีย์ พหิทธานุกร

ถามว่าจะจัดลำดับความสำคัญอย่างไรกับเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ดร.ปานปรีย์ บอกว่าเวลานี้พรรคเพื่อไทยก็ให้ความสำคัญกับการจัดตั้ง New Business Zone หรือ โซนธุรกิจใหม่ ในภาคอีสาน จะตั้งอยู่ในจังหวัดขอนแก่น ภาคใต้ อยู่ที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา  และภาคเหนือ อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตรงนี้เป็นจุดที่เราคิดว่าเราได้กระจาย ปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจ เพื่อดึงการลงทุนจากต่างชาติ  แต่ EEC ที่เกิดแล้วก็ใช่ แต่ภูมิภาคอื่น เหมือนกับไม่ใด้รับการดูแลเท่าที่ควร พราะฉะนั้นเราอยากจะกระจายความเจริญไปให้เสมอกันทุกภูมิภาค  

เมื่อตั้ง New Business Zone ขึ้นมา ได้เตรียมพร้อมโดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายที่จะต้องแก้ไข และเรื่องของสิทธิประโยชน์ที่เพียงพอหรือไม่เพียงพอ ก็กำลังดูอยู่ ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าถ้าได้เข้ามาเป็นรัฐบาล ก็สามารถที่เข้ามาแก้ไขให้นักธุรกิจในภูมิภาคที่เขารออยู่ได้ทันที

ดร.ปานปรีย์ ยังบอกว่าสำหรับ EEC จริงๆแล้วก็เกือบจะตันแล้ว เพราะ EEC ก็เหมือนกับเป็น “อีสเทิร์นซีบอร์ด” ซึ่งอีสเทิร์นซีบอร์ด ก็เกิดในยุคก่อนนั้นนานแล้ว เป็นช่วงโชติช่วงชัชวาล เราก็ทำท่าเรือ สนามบิน แต่เรื่องรถไฟก็ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร EEC ก็พยายามที่จะมาผลักดันเรื่องนี้  เห็นว่ายังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร แต่ถ้าเราเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็คงต้องเข้ามาสานต่อ พอถึงเวลาเราก็จะไม่มุ่งเน้น EEC ที่เดียว แต่เราจะกระจายไปทั่วประเทศ

ดร.ปานปรีย์  ยังบอกด้วยว่าตอนนี้ทางพรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญกับเรื่อง ซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) ในแต่ละภูมิภาคก็จะเน้นคนละเรื่องกัน แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องดึงนักลงทุนเข้ามาเพิ่มขึ้น การที่จะทำให้นักลงทุนเข้ามาก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่จะจูงใจ ในอดีตเราเคยทำ Free Trade Agreement หรือเขตการค้าเสรี หลายประเทศตั้งแต่ในสมัยอดีต ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มาในระยะหลังไม่ค่อยได้ทำ ก็เลยทำให้ประเทศไทย เดินช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน อย่างประเทศเวียดนาม ก็มีนักลงทุนหนีไปลงทุนที่เวียดนาม เพราะการไปลงทุนในเวียดนาม เวลามีสินค้าส่งออกจะได้ยกเว้นภาษี

เป็นรัฐบาล
ปานปรีย์ พหิทธานุกร

ขณะเดียวกัน ก็ได้ปรับโครงสร้างภาษี เวลานี้นักลงทุนก็แห่ไปลงทุน  ตอนหลังมีเรื่องเกี่ยวกับ ห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะ Multinational เริ่มกระจายตัวออกจากจีน ประเทศเวียดนาม ก็เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญ อีกประเทศก็คือไทย เพราะว่าเราอยู่ในศูนย์กลางอาเซียน ทางเหนือก็ไปเขมร ไปทางจีน ลาว เวียดนามได้  ลงใต้ก็ไปมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย สำคัญที่สุดทำอย่างไรให้ความมั่นใจ สร้างความเชื่อมั่น ว่าถ้าลงทุนในประเทศไทยแล้วจะได้ประโยชน์อะไร

เมื่อถามว่าเรื่องปากท้อง ตรงนี้พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร ดร.ปานปรีย์ บอกทันทีว่าพรรคเพื่อไทยเรามีนโยบายเยอะมาก เพราะว่าพรรคเพื่อไทย ก็เป็นพรรคที่เรียกว่าประชาชนมาก่อน มองเห็นความยากลำบากของประชาชน แล้วก็นโยบายที่ออกมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ก็จะเน้นไปถึงประชาชนในระดับล่าง เพราะฉะนั้นเวลานี้ เศรษฐกิจมันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ประชาชนในระดับล่าง ได้รับผลกระทบเยอะมาก

“ไม่ใช่นโยบายที่จะไปแจกเงิน แต่เป็นนโยบายที่ต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ”

ดร.ปานปรีย์ ยังบอกด้วยว่าค่อนข้างจะมีความมั่นใจว่า “ไม่ใช่นโยบายที่จะไปแจกเงิน แต่เป็นนโยบายที่ต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ” เพื่อให้เกิดการตื่นตัว เวลานี้เศรษฐกิจของไทยค่อนข้างต่ำมาก ถ้าเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และเมื่อเปรียบเทียบกับโลก เราก็ต้องการที่จะให้เศรษฐกิจของเราฟื้นกลับมา การที่เอาเงินใส่ไปในภูมิภาคให้ทุกคนแล้วก็อยู่ในบริเวณการใช้เงินอยู่ในบริเวณ 4 กิโลเมตร มันจะทำให้เงินไม่ได้วิ่งกลับไปที่อื่น มันก็จะสร้างความเจริญอยู่ในพื้นที่ของเขา แต่ในที่สุดทางพรรคมีความเชื่อว่าสามารถที่จะเก็บภาษีได้กลับคืนมาได้มากขึ้น ก่อนที่จะย้ำว่าพรรคเพื่อไทย “เราไม่ยุ่ง เราไม่แตะเรื่องภาษี”

แม้สถานการณ์ตอนนี้จะมีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองเกิดขึ้น โดยเฉพาะพรรคคู่แข่งหลายพรรค หลายฝ่ายอาจจะมองว่าพรรคเพื่อไทย เกิดความกังวลขึ้นได้ เรื่องนี้ดร.ปานปรีย์ ย้ำว่า “ไม่มี ผมก็มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทย ก็สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้มากที่สุด ถ้าประชาชนให้ความมั่นใจ แล้วก็เชื่อว่านโยบายของเราจะแก้ไขปัญหาประเทศ ปัญหาของประชาชนได้แน่ เขาก็ต้องเลือกพรรคเพื่อไทย”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight