POLITICS-GENERAL

‘ก้าวไกล’ ชี้กรุงเทพฯ โดนทุนจีนรุกหนัก พบนอมินีทุนจีน-สินค้าผิดลิขสิทธิ์เพียบ

“ปารเมศ” ชี้กรุงเทพฯ กำลังโดนทุนจีนรุกหนัก พบนอมินีทุนจีน-สินค้าผิดลิขสิทธิ์เพียบ หวั่นเอสเอ็มอีในพื้นที่เสียเปรียบ 

นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 1 (พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์) สะท้อนปัญหาทุนจีนรุกเข้ามาทำธุรกิจอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายโดยใช้นอมินี ทำให้คนไทยที่ทำธุรกิจในพื้นที่เสียเปรียบ เช่นเรื่องภาษี การทำผิดลิขสิทธิ์ และการละเมิดกฎหมายอื่นๆ โดยปารเมศเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบจัดการโดยเร่งด่วน

ทุนจีน

นายปารเมศ กล่าวว่า จากการเดินสำรวจพื้นที่ พบทุนต่างชาติหรือทุนจีนเข้ามาทำธุรกิจในพื้นที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อการค้าขายของคนในพื้นที่เดิม โดยตนมีข้อสังเกต 3 ประการต่อการเข้ามาของทุนจีนในพื้นที่

ประการที่หนึ่ง คือเรื่องแหล่งเงินของทุนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจ ได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพบกรณีทุนจีนสีเทาในประเทศไทย ที่ใช้เงินจากการกระทำผิดกฎหมายมาทำธุรกิจเพื่อฟอกเงิน อีกผลกระทบคือทำให้ค่าเช่าพื้นที่บริเวณนี้ดีดตัวสูงขึ้น เดิมอยู่ที่ประมาณ 70,000 – 100,000 บาทต่อเดือน ปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 300,000 – 500,000 บาทต่อเดือน

ประการที่สอง คือนอมินี เนื่องจากมีคนไทยจำนวนไม่น้อย ได้ใช้ชื่อของตัวเองเข้ามาเป็นตัวแทนในการยื่นจดจัดตั้งห้างร้าน แต่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับห้างร้านเหล่านั้น ทำให้ทุนจีนเข้ามาทำการค้าในพื้นที่ได้อย่างอิสระ ตนจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ เพราะการใช้นอมินีเข้าจัดตั้งนิติบุคคลนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย อีกทั้งทำให้การแข่งขันทางการค้าในพื้นที่ไม่เป็นธรรม

ประการที่สาม คือปัญหาลิขสิทธิ์ที่มากับทุนจีนบางส่วน ทำให้คนในพื้นที่ซึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ที่ขายของถูกลิขสิทธิ์มีต้นทุนที่สูงกว่า เกิดความเสียเปรียบ ขณะที่ทุนต่างชาติหรือทุนจีนที่เข้ามานั้นขายของผิดลิขสิทธิ์เพื่อตัดราคา จึงขอตั้งข้อสงสัยว่ามีการติดสินบนหรือจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบหรือไม่

นายปารเมศ กล่าวด้วยว่า นอกจากปัญหาลิขสิทธิ์ ทุนต่างชาติที่เข้ามายังมีลักษณะของการทุ่มตลาด ด้วยการหั่นราคาสินค้าเพื่อเอาชนะผู้ค้ารายอื่น ซึ่งตนมองว่าแม้ประเทศไทยสนับสนุนการค้าเสรี แต่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลและควบคุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดความไม่เป็นธรรมและลดโอกาสเติบโตของธุรกิจของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) สัญชาติไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo