ไฟดับสเปน-โปรตุเกส กว่า 10 ชั่วโมง เกิดจากโรงไฟฟ้ามั่นคงไม่เพียงพอ ประเทศไทยมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ และถอดบทเรียนเรื่องนี้ได้อย่างไร
ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท นิว เอ็นเนอร์จี พลัส โซลูชั่นส์ จำกัด หรือ NEPS โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส – Treerat Sirichantaropas แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้
เมื่อ 4 วันที่แล้ว หากหลายท่านติดตามข่าวไฟดับที่ประเทศสเปน และโปรตุเกส เป็นเวลากว่า 10 ชม. ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมาก ทั้งบ้านเรือน โรงพยาบาล สถานศึกษา สถานีรถไฟ สนามบิน และอื่น ๆ มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจอีกจำนวนมาก
วันนี้ ผมในฐานะผู้ประกอบการพลังงานสะอาด ขอมาย่อยให้ฟังว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วเราจะป้องกันได้อย่างไร
ด้วยความที่สเปน และโปรตุเกส เป็นประเทศที่ใช้พลังงานทางเลือกเป็นหลัก และมากที่สุดในยุโรป โดยมีมากถึง 60GW ( 60,000 เมกะวัตต์) ประกอบไปด้วย โรงไฟฟ้าลม 27 GW และ โรงไฟฟ้าโซลาร์มากถึง 18GW
แน่นอนว่าไฟฟ้าพลังงานทางเลือก ย่อมเป็นสิ่งที่ดี ช่วยลดโลกร้อน ราคาถูก แต่ก็มาพร้อมเหรียญอีกด้าน คือ “ความไม่มั่นคง” ด้านพลังงาน
ด้วยพลังงานทางเลือก เป็น “พลังงานที่ไม่เสถียร” และขึ้นอยู่กับธรรมชาติ หรือ ACT OF GOD เป็นส่วนใหญ่ เช่น โรงไฟฟ้าโซลาร์ ก็ต้องอาศัยแดด ซึ่งมี Peak performance ได้แค่ 4-5 ชม.ต่อวัน หรือ โรงไฟฟ้าลม ก็ต้องอาศัยลม (ซึ่งก็จะมีฤดูกาลอยู่ว่า ฤดูไหนลมเยอะ ฤดูไหนลมน้อย)
หากประเทศไหนมีพลังงานทางเลือกเยอะ ก็จำเป็นที่ต้องมี Backup Power เยอะ ไม่อย่างนั้นก็อาจเจอกับความไม่มีเสถียรภาพของพลังงานได้ หากเกิดสถานการณ์ที่กำลังการผลิตมีน้อยกว่าการใช้งานของประชาชน หรือพูดง่าย ๆ ว่า เมื่อ Production น้อยกว่า Consumption และโรงไฟฟ้าสำรองไม่เพียงพอ เมื่อนั้นก็วิบัติอย่างแน่นอน

เกิดอะไรขึ้นที่สเปน และโปรตุเกส
จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ส พบว่า ก่อนเกิดเหตุไฟฟ้าดับ สเปนมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) 59% พลังงานลม 12% นิวเคลียร์ 11% และโรงไฟฟ้าก๊าซเทอร์ไบน์ชนิดวงจรผสม (CCGT) 5% ซึ่งก็ดูเหมือนจะปกติ
แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เพราะเพียง 5 นาที การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ PV ตกต่ำลงแบบน่าตกใจกว่า 50% ส่งผลให้กำลังการผลิตจาก 18GW ลดฮวบสู่ 8 GW โดยไม่ทราบสาเหตุ
เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้โรงไฟฟ้าสำรองต้องเปิดใช้งาน แต่ด้วยความโชคร้ายที่สเปนและโปรตุเกส มีโรงไฟฟ้าสำรองมั่นคง เช่น ก๊าซ นิวเคลียร์ และเขื่อน ไม่เพียงพอ ที่จะสามารถรับมือกับพลังงานโซลาร์ ที่หายจากระบบอย่างรวดเร็วได้ จึงทำให้ความถี่ในระบบหล่นจาก 50 เหลือ 49.85 Hz
ส่งผลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ทยอยถูกปลดออกจากระบบทันที และทำให้ไฟดับยาวนานกว่า 10 ชม. ประชาชนต้องทนอยู่กับความสับสน และความโกลาหลแบบไม่เคยเจอมาก่อน
เหตุการณ์นี้สามารถเกิดในไทยได้หรือไม่
คำตอบคือ เป็นไปได้ยากครับ เพราะไทยเป็นประเทศที่มีพลังงานเสถียรที่มั่นคง เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซ ถ่านหิน และน้ำมัน มากกว่าพลังงานทางเลือก (โซลาร์ ลม) ด้วยอัตราส่วนแบบ 90 ต่อ 10%
เพราะประเทศไทยเน้นความมั่นคงของพลังงานเป็นหลัก และระบบโครงข่ายของเรามีความแข็งแรงที่สุดในภูมิภาค ส่งผลให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้ยาก
อย่างไรก็ตาม เราเองก็ประมาทไม่ได้ ด้วยอนาคตประเทศไทยกำลังเริ่ม transform เข้าสู่ยุคพลังงานทางเลือก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี และทำให้ต้นทุนพลังงานถูกลง แต่ก็ต้องมีการผสมแหล่งพลังงานผลิตไฟของประเทศให้ดี
เพราะเมื่อโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกมีเยอะขึ้น แต่หากโรงไฟฟ้าเสถียรสำรอง Backup ไม่เพียงพอ เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่เป็น Act of God ก็อาจกระทบต่อการผลิตไฟได้ และส่งผลให้เกิดสถานการณ์ไฟดับ อย่างที่สเปน และโปรตุเกสเจอได้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เปิดบทเรียน ไฟดับสเปน-โปรตุเกส ใช้พลังงานหมุนเวียนได้ แต่ต้องมี ‘ก๊าซ-ถ่านหิน’ เสริมความมั่นคง
- ไฟดับใหญ่ในสเปน กระทบพื้นที่ห่างไกล ‘กรีนแลนด์’ ไร้สัญญาณสื่อสารผ่านดาวเทียม
- ยุโรปเจอไฟดับครั้งใหญ่! ‘สเปน-โปรตุเกส’ หนักสุด ประกาศภาวะฉุกเฉิน กระทบระบบขนส่ง-เน็ตล่ม
ติดตามเราได้ที่
เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X: https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg