Opinions

รำไม่ดี ‘ตุ๋ย’ โทษปี่โทษกลอง อยู่มาเกือบ 2 ปี แต่อ้างไม่มีอำนาจ

22 เมษายน 2568

รำไม่ดี “ตุ๋ย” โทษปี่โทษกลอง อยู่มาเกือบ 2 ปี แต่อ้างไม่มีอำนาจ

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เป็นเวลา 1 ปี 7 เดือน วันนี้ “พีระพันธุ์” เพิ่งรู้ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไม่มีอำนาจสั่งการ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำได้เพียงการกำกับดูแล

พีระพันธุ์ยืมปาก ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกรัฐบาลที่มาจากพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กแก้ต่าง เรื่องการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ว่า เกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กกพ. เป็นคนกำหนดเงื่อนไข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไม่มีอำนาจใน กกพ.เลย

ส่วน กฟผ.นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมีอำนาจแค่กำกับ จึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญในเชิงโครงสร้างที่ต้องมีการแก้ไข ซึ่ง “นายพีระพันธุ์” ย้ำชัดเจนว่า หนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการปฏิรูปพลังงาน คือ ปัญหากฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกฎหมายพลังงานที่มีอยู่จำกัดอำนาจรัฐมนตรี ในการกำกับดูแลอย่างแท้จริง

ถ้าพูดตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีใหม่ ๆ ก็พอจะรับฟังได้ แต่นี่เป็นรัฐมนตรีมาเกือบ 2 ปีแล้ว ไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน การอ้างว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้เพราะสั่งกกพ.และกฟผ.ไม่ได้ จึงเป็นเรื่องที่พีระพันธุ์ รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง ตัวเองไม่ทำงานที่ควรจะทำแต่ไปโทษคนอื่น

กกพ. เป็นองค์กรกำกับดูแลกิจการพลังงานคือไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติให้บริการอย่างทั่วถึง เป็นธรรมต่อประชาชนและผู้ประกอบการ สร้างความมั่นคงของระบบพลังงานโดยแยกเป็นอิสระจากฝ่ายนโยบายคือ รัฐบาล ป้องกันการแทรกแซงจากนักการเมือง ไม่ให้เอาเรื่องพลังงานไปทำเป็นนโยบายประชานิยม เช่น ลดหรือตรึงค่าไฟฟ้า โดยเอาภาระค่าเชื้อเพลิงไปซุกไว้กับกฟผ. ที่พีระพันธุ์ กำลังจะทำเพื่อกดค่าไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมให้ไม่เกิน หน่วยละ 3.99 บาท

รมต.กระทรวงพลังงาน มีอำนาจกำกับดูแล กกพ. ในเชิงนโยบาย ถ้าต้องการให้ กกพ.ทำ หรือไม่ทำอะไร ต้องเป็นนโยบายจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในขณะที่รัฐมนตรีพลังงานเป็นประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)มีอำนาจเสนอให้ กพช.ปรับเปลี่ยน ทบทวน บทบาทหน้าที่ของ กกพ.ได้ ซึ่งเท่ากับว่า รมต.พลังงานมีอำนาจหน้าที่ที่จะดูแลค่าพลังงานได้เต็มที่เพียงแต่ต้องผ่านในรูปคณะกรรมการ สิ่งที่พีระพันธ์พยายามจะปัดว่าตัวไม่มีอำนาจเลยทำงานไม่ได้จึงขัดแย้งกับข้อเท็จจริง

ระยะเวลา 1 ปี 7 เดือนที่พีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานมา มัวทำอะไรอยู่ หากต้องการปฏิรูปพลังงานอย่างที่อ้างจริง ทำไมไม่ทำตรงนี้ แต่กลับมาออกตัวว่า ตัวเองไม่มีอำนาจสั่งการ กกพ.และ กฟผ.

เรื่องการรับซื้อพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ พีระพันธุ์ เล่นตามเกมของพรรคประชาชนที่ปั่นกระแสโซเชียล ให้จับตาดูเส้นตายวันที่ 19 เมษายนว่า หากรัฐบาลไม่ชะลอการเซ็นสัญญา คนไทยจะใช้ไฟแพงไปอีก 25 ปี ทั้งๆที่เซ็นสัญญากันเกือบหมดแล้ว เหลือแค่ 3 โครงการ จะต้องเซ็นสัญญาภายในวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา และโครงการพลังงานลม 16 โครงการที่ล่าช้า เพราะมีคดีความในศาลปกครอง ซึ่งตอนนี้คดียุติแล้ว และต้องเซ็นสัญญาภายในปี 2569

เรื่องนี้มันจบไปนานแล้ว แต่พรรคประชาชนขุดมาปั่นกระแสใหม่ โดยไม่ให้ข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยพีระพันธุ์โหนกระแสอยู่คนเดียว และราคารับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ ที่เป็นไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ อยู่ที่ 2.10 บาท ถูกกว่าราคารับซื้อไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ ปัจจุบันที่รวมค่า adder แล้วหน่วยละ 11 บาท และแม้โรงไฟฟ้าหลายๆแห่งจะไม่ได้รับค่า adder แล้ว ก็ยังขายไฟได้ในราคาสูงถึงหน่วยละ 3.10 บาท แพงกว่าไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ถึง หน่วยละ 1 บาท

ถ้าพีระพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่ทำงานจริง เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน ย่อมต้องรู้ว่าข้อมูลที่พรรคประชาชนเผยแพร่ในโลกโซเชียลไม่จริง และมีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนให้เข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องว่า การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 5100 เมกะวัตต์ เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านพลังงานไทยจากฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด โดยราคาที่รับซื้อถูกกว่าไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในปัจจุบันที่มีค่า adder ถึง หน่วยละ 9 บาท ซี่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในอนาคตอีก 25 ปีถูกลง ซึ่งตรงกันข้ามกับคอนเท้นที่พรรคประชาชนปั่นอยู่

และในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแล กกพ.ก็สามารถถาม กกพ.ได้ว่า ทำไมไม่ใช้วิธีประมูลราคา แต่ใช้การคัดลือกผู้ที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ในอดีตที่เคยใช้การประมูล มีปัญหาอะไร

เป็นรัฐมนตรีร่วมคณะแทนที่จะแก้ต่างให้รัฐบาล กลับไปเล่นตามเกมของฝ่ายค้าน และกลับมาเล่นงานหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแลของตัวเองคือ กกพ. และ กฟผ.เข้าตำรา รำไม่ดี โทษปี่โทษกลองโดยแท้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่