Wellness

ด่านคุมโรคสุวรรณภูมิตรวจเข้ม รับมือไวรัสปริศนาเมืองจีน

พร้อม! ด่านคุมโรคสุวรรณภูมิตรวจเข้ม รับมือไวรัสปริศนาเมืองจีน ย้ำไม่พบคนป่วยที่ไทย “อนุทิน” ขอร้องทุกภาคส่วนเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง อย่าสร้างความตื่นตระหนก หวั่นกระทบท่องเที่ยว

798714

จากกรณีที่พบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ยังไม่ทราบที่มา ในประเทศจีน ล่าสุด วันนี้ (5 ม.ค.) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ

ตรวจเยี่ยมความพร้อมด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ พร้อมดูขั้นตอนการดำเนินงานคัดกรองผู้เดินทาง จากพื้นที่เสี่ยงโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสที่ยังไม่ทราบที่มา โดยมอบให้กรมควบคุมโรค เฝ้าระวัง คัดกรองผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ทั้งด่านบก ด่านเรือ และด่านอากาศ หากพบผู้มีอาการเข้าข่ายสงสัย ให้ส่งเข้าระบบควบคุมป้องกันโรคทันที

นายอนุทิน กล่าวว่า ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง ควบคุมโรคที่ประสิทธิภาพ หากมีรายงานผู้ป่วยที่สงสัย จะทำการแยกกัก โดยมีการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตราย ทั้งในส่วนกลางและทุกจังหวัดทั่วประเทศ

S 14901292

สำหรับที่ด่านควบคุมโรค ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ติดตั้งเครื่องวัดไข้อัตโนมัติระบบอินฟราเรด (Infrared Thermo Scan) 4 จุด พร้อมเจ้าหน้าที่ทำงาน 24 ชั่วโมง ผู้โดยสารทุกคน จะต้องผ่านการตรวจคัดกรองด้วยเครื่องตรวจอุณหภูมิอัตโนมัติ หากพบมีไข้จะแยกผู้โดยสารตรงประตูทางเข้า ให้สวมหน้ากากอนามัย และพาไปตรวจซ้ำที่ห้องรอส่งต่อ

หากพบว่ามีไข้ และมีประวัติมาจากพื้นที่เสี่ยง จะโทรแจ้งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ส่งรถพยาบาลมารับไปยังโรงพยาบาลที่มีห้องแยกโรคมาตรฐาน ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนปกติที่สนามบินดำเนินการ โดยจะไม่ปะปนกับผู้โดยสารอื่น

สำหรับผู้ป่วยจากพื้นที่เสี่ยง จะมีการแยกประตูทางเข้าเฉพาะ หากพบความผิดปกติ จะจัดการทันที โดยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีเที่ยวบินจากพื้นที่เสี่ยงวันละ 3 เที่ยว ผู้โดยสารวันละประมาณ 500 คนต่อวัน นอกจากนี้ยังมีท่าอากาศยานที่รับผู้โดยสารจากพื้นที่เสี่ยงคือท่าอากาศยานดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งจะดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด

334397

ทั้งนี้จนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบผู้ป่วยในประเทศไทย หากผู้โดยสารพบบุคคลที่มีอาการผิดปกติ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลสถานการณ์ ส่วนผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่เสี่ยง อาทิ อู่ฮั่น ภาครัฐได้มอบเอกสารการปฏิบัติตัวไว้ศึกษาแล้ว

“ประเทศไทยเคยเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อนทั้งจากโรคซาร์ส โรคเมอร์ ไข้หวัดนก สามารถจัดการได้ไม่มีปัญหา ขอให้ประชาชนมั่นใจในระบบสาธารณสุขของไทย อยากวิงวอนการนำเสนอของทุกภาคส่วน ให้สื่อสารตามข้อเท็จจริง อย่าสร้างความตื่นตระหนกกับประชาชน เพราะจะเป็นการทำลายบรรยากาศด้านการท่องเที่ยว เรากำลังเข้าสู่ช่วงตรุษจีน และสงกรานต์ การสื่อสารที่สร้างความหวาดกลัว จะกระทบกับภาพรวมการท่องเที่ยวทั้งหมด “

สำหรับประเทศไทย ได้ประกาศให้โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome: SARS) หรือโรคทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง เป็นโรคติดต่ออันตราย ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส (Coronavirus) ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรือมีอาการติดเชื้อที่ปอดและทางเดินหายใจ เช่น ไอแห้ง หรือหายใจลำบาก เป็นต้น

โดยไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยยืนยันโรคซาร์สภายในประเทศ ยกเว้นเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกที่ป่วยด้วยโรคซาร์ส และเดินทางเข้ามารับการรักษาที่ประเทศไทย และไม่มีการติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเติม สำหรับประเทศจีน เคยมีโรคซาร์สระบาดเมื่อปี 2546 ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 349 ราย

อย่างไรก็ตาม หากมีรายงานผู้ป่วยที่สงสัย จะทำการแยกกัก โดยมีการเตรียมความพร้อมทางห้องปฏิบัติการ และทีมสอบสวนโรคติดต่ออันตรายทั้งในส่วนกลางและทุกจังหวัดทั่วประเทศ หากประชาชนจะเดินทางไปยังประเทศ ที่มีรายงานผู้ติดเชื้อปอดอักเสบ องค์การอนามัยโลกยังไม่มีประกาศห้ามการเดินทาง

798725

ด้านนพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือสถานที่ที่มีมลภาวะที่เป็นพิษ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว รักษาร่างกายให้อบอุ่น อยู่เสมอ

สำหรับคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ หากมีอาการเริ่มป่วย เช่น มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ขอให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวมได้ ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

Avatar photo