สาธารณสุข ย้ำอาหารเจ ต้องลดหวาน มัน เค็ม เลือกร้านสะอาด รสชาติอร่อย และตลาดสดน่าซื้อ แนะนำสารพัดเมนูเจทำได้ง่าย ถูกสุขอนามัย
ไหนๆกินเจแล้ว ก็ต้องกินให้ได้ประโยชน์ ได้สารอาหารครบถ้วน และควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้ช่วง 10 วันของการกินเจ นำมาซึ่งโทษต่อสุขภาพ
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เทศกาลเจปีนี้ ประชาชนให้ความสนใจร่วมถือศีลกินเจ เว้นการบริโภคเนื้อสัตว์เพิ่มมากขึ้น อาหารเจส่วนใหญ่ปรุงด้วยแป้ง ธัญพืช ถั่ว งา เต้าหู้ โดยขอแนะนำวิธีการทานเจให้ได้ประโยชน์ ดังนี้
- เลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ทานผักผลไม้ให้หลากหลาย หลากสี
- สามารถทานโปรตีนเกษตรทดแทนได้
- ต้องไม่เค็ม ไม่หวาน ไม่มันมากเกินไป
- อาหารสำเร็จรูป ต้องเลือกภาชนะอาหาร ที่ไม่ใช้ภาชนะโฟม
เลือกซื้ออาหารจากร้าน ที่ได้รับป้ายสัญลักษณ์อาหารสะอาด รสชาติอร่อย (Clean Food Good Taste) หรือป้ายรับรองจากหน่วยงานราชการ
สำหรับผู้ที่ปรุงอาหารเจทานเอง แนะนำให้ เลือกซื้อ ผักสด ผลไม้ โปรตีนเกษตร จากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ เช่น ตลาดที่ผ่านการรับรองตลาดสดน่าซื้อ ตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมอนามัย ซึ่งมีอยู่จำนวน 1,565 แห่งทั่วประเทศ ผ่านระดับดีและดีมาก จำนวน 1,351 แห่ง คิดเป็น 85.82 % และตลาดที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานราชการ
ส่วนเครื่องปรุงรสต้องมีเครื่องหมาย อย. หรือ เครื่องหมาย มอก. การเตรียมวัตถุดิบ ต้องการล้างให้สะอาดก่อนนำมาปรุง โดยเฉพาะผักที่อาจมีล้างสารเคมีปนเปื้อน ก่อนกิน ก่อนนำผัก และผลไม้
มาปรุงอาหาร
โดยกระทรวงสาธารณสุข แนะนำวิธีล้างผักให้สะอาดด้วย 3 วิธี คือ
- ล้างด้วยน้ำไหล โดยแช่ในน้ำ 15 นาที จากนั้นเปิดน้ำไหลถูไปมาประมาณ 2 นาที ลดสารพิษตกค้างได้ 25 – 63%
- ล้างด้วยน้ำส้มสายชู 5 % 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ลดสารพิษตกค้างได้ 60 – 84 %
- ล้างด้วยเบคกิ้งโซดา (ผงฟู) ½ ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ลดสารเคมีตกค้างได้ 90 – 95%
นอกจากนี้ ต้องปรุงอาหารให้สุก แยกมีด เขียง ระหว่างอาหารดิบ และอาหารสุก ป้องกันการปนเปื้อน ผู้ปรุง และผู้เสิร์ฟอาหารหมั่นล้างมือด้วยน้ำ และสบู่ สวมถุงมือ หรือใช้อุปกรณ์หยิบจับอาหารในระหว่างการเตรียมปรุงอาหาร และที่ปกปิดอาหารให้สะอาดระหว่างการขาย เพื่อป้องกันฝุ่นละออง หรือแมลงที่อาจไต่ตอม
ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า ใน 1 วัน ควรกินผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัมหรือ 6 ทัพพีขึ้นไป และต้องล้างให้สะอาดทุกครั้ง ลดสารเคมีตกค้าง หรือปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค
และให้ระวังการกินแป้ง และน้ำตาลมากเกินไป เพราะอาหารเจหลายชนิดมีส่วนประกอบของแป้ง น้ำตาล เช่น ผัดหมี่ต่างๆ ซาลาเปา เผือกทอด มันทอด เครื่องดื่มที่มีรสหวาน
ทั้งนี้ขอแนะนำเลือกข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาว ระวังเรื่องการกินของแห้ง หรือของหมักดอง เช่น เต้าหู้ยี้ เต้าเจี้ยว ต้มเค็ม ผักแห้ง ผักดอง รวมทั้งอาหารกระป๋องและอาหารสำเร็จรูป เนื่องจากอาจทำให้ได้รับโซเดียมมากเกินไป
โดยประชาชนสามารถทำเมนูเจได้ด้วยตนเอง โดยลองทำตามหนังสือ เมนูคู่ครัว อาหารเจสู่สุขภาพ ของ กรมอนามัย “เมนูเจทำเองได้ง่ายนิดเดียว”สามารถดาวน์โหลด ได้ที่ nutrition.anamai.moph.go.th/images/files/ PDF%20เมนูคู่ครัวอาหารเจเพื่อสุขภาพ.pdf
