ในวันเดือนที่เคลื่อนมาสู่หน้าหนาว หลายคนอาจคิดถึงขุนเขา และสายหมอก ลุงชายคาก็คิดถึงเขาเช่นกัน แต่ยังไม่มีโอกาสไป ยังคงเที่ยวใกล้ๆ กรุงเหมือนเดิม ทริปนี้ลุงจะพาไปเที่ยวทะเลกันครับ มาที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมืองสามอ่าว ที่มีทะเลอ่าวไทย สวยไม่แพ้ที่ใดในโลก
คอนเซ็ปท์การเที่ยวครั้งนี้คือ เที่ยวไทยเที่ยวง่าย สนุกทุกทริป กับ 5จุดเช็คอิน 5วิถีถิ่นกินเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และ 5 กิจกรรมท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและรับผิดชอบ
การเที่ยวประจวบทริปนี้ ลุงยังคงขับรถเที่ยวเองครับ จุดหมายคือ หัวหิน และปราณบุรี 2อำเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่มีทะเลสวยมากๆๆๆ โดยเฉพาะหัวหิน ที่มีหาดสวย และดังไปทั่วโลก มีโรงแรมสวยๆริมหาดให้เลือกพักมากมาย
ส่วน “ปราณบุรี” ก็ไม่น้อยหน้าเรื่องความสวย แม้ไม่ดังเท่าหัวหิน แต่ฟินกว่าเพราะสวย สงบ หาดยาว มีถนนเลียบหาดให้ขับรถชิวๆ ทั้งหัวหิน และปราณ สามารถเที่ยวได้ง่ายๆครับ เพราะไม่ไกลเลย ลุงเองเคยไปเที่ยวหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้มา ก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี
วันที่1
จุดเช็คอินที่ 1 “วัดห้วยมงคล” อ.หัวหิน
ขับรถออกจากบ้าน ตอนสายๆครับ ขับสบายๆ ชิวๆ ก่อนไปสูดกลิ่นทะเล ลุงจะพาไปไหว้หลวงปู่ทวด ที่วัดห้วยมงคลก่อน เป็นการเอาฤกษเอาชัย ไหว้พระ ขอพร
วัดห้วยมงคล เดิมใช้ชื่อว่า “วัดห้วยคต” เป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนามใหม่จากห้วยคต เป็น “ห้วยมงคล” เนื่องจากครั้งที่เสด็จมายังวัดนี้ได้มีดำริให้สร้างถนนใหม่ จากถนนดินเป็นถนนลาดยาง โดยพระราชทานนามให้เช่นเดียวกับชื่อวัด
ต่อมาพระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลองค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระนักพัฒนาที่มีศีลจารวัตที่ดีงามเป็นที่เคารพของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุหราชองครักษ์ ได้มีดำริที่จะสร้าง “หลวงพ่อทวด” องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ รวมทั้งเผยแพร่และสืบทอดพระพุทธศาสนาอีกทั้งให้เป็นที่เคารพสักการบูชาและเป็นที่พึ่งทางใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน
หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร บนฐานสูง 3 ชั้น ชั้นล่างกว้าง 70 เมตร ยาว 70 เมตร โดยภายใต้ฐานยังเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ไว้เพื่อปฏบัติศาสนกิจในวันสำคัญทางศาสนา
วิถีถิ่นกินเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจุดที่ 1 อยู่ภายในบริเวณวัดห้วยมงคล มีร้านขายของกิน ของฝากหลายร้านให้ได้ซื้อหาครับ
จุดเช็คอินที่2 “วัดเขาตะเกียบ” อ.หัวหิน
ไหว้หลวงปู่ทวดและซื้อของฝากแล้ว ก็บึ่งรถเข้าหัวหินครับ มาที่ วัดเขาตะเกียบ
วัดเขาตะเกียบ ตั้งอยู่บนเขาตะเกียบ ซึ่งอยู่ติดหาดหัวหิน มีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรองค์ใหญ่ ประทับหันหน้าออกสู่ทะเลที่บริเวณตีนเขา ด้านบน ประดิษฐานพระธาตุเขี้ยวแก้ว (พระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า) สามารถชมวิวเมือง และหาดหัวหินได้อย่างสวยงาม
ภายในบริเวณวัด ต้องคอยระวังลิงด้วยนะครับ มีลิงค่อนข้างเยอะ
ป.ล. วิถีถิ่นกินเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจุดที่ 2 ที่บริเวณทางขึ้นวัดเขาตะเกียบ มีร้านขายอาหารทะเลอยู่หลายร้าน มีทั้งอาหารสด และอาหารแห้ง สดๆ จากแพปลากันเลยครับ
จุดเช็คอินที่3 “สวนสนประดิพัทธ์” อ.หัวหิน
เป็นหาดที่ลุงคุ้นชื่อมาตั้งแต่เด็กๆ เหมือนจะลืมชื่อนี้ไปแล้ว การมาเที่ยวหาดสวนสนครั้งนี้ เป็นครั้งที่2 หลังจากที่ไม่ได้มานานร่วม 20 ปี จนแทบจะลืมชื่อ หาดสวนสนไปแล้ว การมาเที่ยวครั้งนี้จึงเหมือนกับมาระลึกความหลังยังไงยังงั้นเลย
ชายหาดสวนสนประดิพัทธิ์ อยู่ริมถนนเพชรเกษม ประมาณ กม.ที่240 ห่างจากหัวหินไปทาวใต้ 9 กม. เนื้อที่ พันกว่าไร่ อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์การทหารราบ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เป็นหาดที่เงียบสงบ มีบ้านพัก มีโรงแรม เหมาะกับการมานั่งชิล เล่นน้ำ มีบริการอาบน้ำจืด มีร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้าเล่นน้ำ และอุปกรณ์เล่นน้ำต่างๆ
ป.ล.ที่หาดสวนสนประดิพัทธิ์ ลุงใช้เจลแอลกอฮอลล์ล้างมือ เพื่อความปลอดภัยครับ
หลังจากเดินเล่นชิวๆ ระลึกความหลังที่สวนสนประดิพัทธ์แล้ว ก็เข้าที่พัก คืนนี้เราพักที่ Coral Tree Villa รีสอร์ทติดทะเล บรรยากาศสุดฟิน ที่พักเป็นวิลล่าทั้งหมด มีสระว่ายน้ำ อาหารอร่อย โดยเฉพาะอาหารไทย อร่อยม๊ากกกกก ขอบอก
วันที่ 2
เช้านี้ ตื่นมาลุ้นพระอาทิตย์ขึ้นครับ โชคดีที่ฝนไม่ตก มีแสงแต่พองาม ชิวๆริมหาด และทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทครับ
ป.ล.ที่คอรัลทรี วิลล่า หัวหิน ลุงชายใช้เจลแอลกอฮอล์ และเช็คอินด้วยแอปไทยชนะครับ
ตลาดฉัตรไชย
ออกจาก Coral Tree ตอนเกือบสายครับ ไปที่ตลาดฉัตรไชย ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองหัวหินกันเลย ไปดูวิถีการกินแบบพื้นถิ่น คนหัวหินยังคงมาซื้อหาข้าวของ ทั้งของกิน ของใช้กันอย่างคึกคัก ตลาดฉัตรไชย เป็นตลาดใหญ่มาก มีของให้เลือกซื้อเต็มไปหมด
ลุงจึงขอแบ่งเป็น 2 วิถีถิ่นกินเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คือ
วิถีถิ่นกินเที่ยวที่ 3 โซนอาหารทั่วไปตลาดฉัตรไชย มีทุกอย่างที่ต้องการ ทั้งขนม พืช ผัก ผลไม้ อาหารคาว หวาน เลือกกันได้ตามสะดวก
วิถีถิ่นกินเที่ยวที่ 4 โซนอาหารทะเลตลาดฉัตรไชย บอกเลยครับ มีร้านขายอาหารทะเลสดๆอยู่หลายร้านครับ หรือจะเลือกซื้อแบบเป็นของฝากของแห้งก็มีเช่นกัน
จุดเช็คอินที่4 “วนอุทธยานปราณบุรี” อ.ปราณบุรี
เดินช็อปในตลาดฉัตรไชย เสร็จแล้ว เราก็ขับไป “วนอุทยานปราณบุรี” ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เพราะหัวหิน กับปราณ อยู่ห่างกันไม่กี่สิบโล ใช้กูเกิ้ลแม็ปนำทางได้เลย แม่นครับ หาไม่ยาก วนอุทยานปราณบุรี อยู่ติดทะเล มีบ้านพัก มีลานกางเต็นท์
วนอุทยานปราณบุรี คือโครงการพัฒนาป่าไม้ปากน้ำปราณบุรีอันเนื่องมาจากพระราชดำริของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
ไฮไลท์ของที่นี่คือ สะพานไม้ทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ระยทางปรมาณ 1 กม. เดินเป็นวงกลมชมธรรมชาติป่าโกงกาง ที่แสนจะร่มรื่น มีหอคอยชมวิวมุมสูง วันที่ลุงมาเดินเที่ยว ฟ้ามีเมฆเยอะ ฟ้าไม่ค่อยสวย แต่ก็มีบางช่วงครับที่แดดดีฟ้าสวย
ใครมาเที่ยว อย่าลืมถ่ายรูปจากมุมสูงของหอชมวิวนะครับ จะเห็นป่าป็นแนวกว้างยาว ไปจนถึงทะเลกันเลย
ป.ล. ที่วนอุทยาน ลุงทำกิจกรรมเที่ยวอย่างปลอดภัยโดยการใส่หน้ากาก และเช็คอินแอปไทยชนะ
หาดปากน้ำปราณ
จากวนอุทธยานปราณบุรี ขับไปสูดกลิ่นทะเลที่ปากน้ำปราณกันครับ หาดปราณบุรี ยาว และสวย ที่สำคัญสงบครับ ฟินมากๆ มีถนนเลียบชายหาดยาวหลายกิโล ขับรถกินลมแสนจะเพลิดเพลิน มีจุดชมวิวและสวนหย่อมให้พักผ่อนหลายจุด
วิถีถิ่นกินเที่ยวที่ 5 ร้านของฝากแม่จำรัส ชมทะเลปราณ เสร็จแล้ว ก็แวะซื้อของฝากกันที่ ร้านของฝากแม่จำรัส อยู่ติดกับร้านซีฟ๊ด โอเอ็กซ์ ร้านซีฟู๊ดชื่อดังของปากน้ำปราณ ที่ร้านแม่จำรัสมีของกิน ของฝากมากมาย ทั้งขนม อาหารแห้ง และ อาหารทะเล
จุดเช็คอินที่ 5 ” ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี” ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี
มาถึงจุดเช็คอินที่ 5 แล้วครับ “ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลน สิรินาถราชินี” ที่นี่ได้รับเครื่องหมาย SHA (Amazing Thailand Safety and Health Administration) เป็นมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยวโดยนักท่องเที่ยว
ที่นี่ เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการฟื้นฟูป่าชายเลนจากนากุ้งร้างแห่งแรกของไทย ซึ่งเมื่อ10 กว่าปีที่ผ่านมาพื้นที่แห่งนี้ คือนากุ้งทั้งหมด แต่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่สีเขียวไปทั่วทั้งบริเวณ ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จฯ ปราณบุรี ปี พ.ศ.2539
การเดินเที่ยวที่ศูนย์แห่งนี้ จะเดินตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง850 เมตร เป็นวงกลม ไม่ต้องย้อนกลับทางเดิม บริเวณและจุดเรียนรู้มีมากมายหลายจุด เราจะได้พบกับแมกไม้หลากสายพันธุ์ โดยเฉพาะพันธุ์ไม้ที่แตกต่างจากพันธุ์ไม้บนบกทั่วไป เราจะพบกับการปรับตัวที่มหัศจรรย์ของพันธุ์ไม้ชายเลน ทั้งส่วนของ ราก ใบ ลำต้น และผล ทั้งนี้ก็เพื่อให้อยู่รอดในสภาพดินเค็ม และมีน้ำท่วมถึง
ไฮไลท์สำคัญคือต้นโกงกางใบใหญ่ประวัติศาสตร์ที่ในหลวงร.9 และสมเด็จพระเทพ ทรงปลูกไว้ ในวันที่ 16 พย. พศ.2545
ส่วนไฮไลท์อีกจุดคือ หอชะคราม จุดชมวิว 360 องศา ปิดครับ ไม่ให้เข้าใช้พื้นที่ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยจากโรค Covid -19 จริงๆไม่ใช่หอชะครามนะครับที่ปิดเพื่อความปลอดภัย ยังมีอีกหลายจุดครับ
ลุงมีข้อแนะนำสำหรับการเดินศึกษาธรรมชาติที่นี่ แม้ธรรมชาติจะสวยงาม ร่มรื่น แต่ยุงชุมจริงๆ อยากให้พกเจลฉีดกันยุงมาด้วยนะครับ
ป.ล. กิจกรรมเพื่อความปลอดภัยของที่นี่ลุงถ่ายป้าย SHA มาตรฐานความปลอดภัย และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ครับ
ทริป 2 วัน 1 คืน เที่ยวเท่ๆที่ “ประจวบคีรีขันธ์” ก็จบลง ก่อนจากกันในทริปนี้ ลุงขอฝากสิ่งสำคัญไว้ด้วยนะครับ ออกไปเที่ยวเมืองไทยกันเยอะๆ แล้วก็อย่าลืมเที่ยวอย่างปลอดภัย และรับผิดชอบ สวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เคารพในกติกาของสถานที่ ทิ้งขยะลงถัง แล้วเจอกันใหม่ในทริปหน้าครับ
#Amazingไทยเท่ #เที่ยวไทยเที่ยวง่ายสนุกทุกทริป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เที่ยวเท่ใกล้กรุง เที่ยว ‘ราชบุรี’
- 5 จุดเช็คอิน 5 วิถีถิ่นกินเที่ยว ‘ประจวบคีรีขันธ์’
- เที่ยวให้สุด ปักหมุดความสนุก หัวหิน 2 วัน 1 คืน