ในวันที่ผมอยากขับรถเล่น ผมเปิดเพลงฟังคลอๆ พร้อมเปิดหน้าต่างรับลมโชย ขับไปเพลินๆไม่ไกลนัก พอที่จะได้ยินเสียงคลื่นชัด กลิ่นน้ำเค็มอยู่เนื่องๆ และผมก็ได้มาถึงที่นี่ “ประจวบคีรีขันธ์”
นี่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในความนิยมมากันอย่างต่อเนื่อง แม้ในช่วงสถานการณ์เฝ้าระวังก็ตาม ถึงกระนั้นทุกคนที่นี่ก็ป้องกันตนเองได้เป็นอย่างดี ตามหลัก 5 ท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย และรับผิดชอบ ได้แก่ ใช้เจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัย ใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหาร ใช้ถุงผ้าในการจับจ่ายสินค้า และ ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง
รวมทั้งสัญลักษณ์ SHA ที่การันตีความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวสไตล์ New Normal ที่ทางสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดทั่วประเทศไทยได้รับการประเมินด้านความปลอดภัยให้เราได้มั่นใจในการมาเยือน ส่วนผมเองก็ไม่ละเลยที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวเช่นกันครับ จากนั้น เราไปลุยเที่ยวกันครับ
จุดเช็คอินที่ 1 “เขาหินเหล็กไฟ”
เขาหินเหล็กไฟเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่7) เนื่องด้วยเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จมาประทับที่นี่ และได้นำพาความเจริญต่างๆมาสู่จังหวัด ชาวหัวหินสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงนำพระบรมรูปมาประดิษฐาน เพื่อให้ผู้คนสักการะบูชา พร้อมทั้งมาเยี่ยมชมวิว ศึกษาโซนพรรณไม้ที่เพาะปลูกไว้ส่วนนึง เป็นที่ที่ควรแวะมาศึกษาหาความรู้เป็นอย่างยิ่งครับ เพราะที่นี่บ่งบอกถึงความเป็นมาของจังหวัดได้เป็นอย่างดี
ทางด้านจุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ มีทั้งหมด 6 จุดด้วยกันครับ แต่ละจุดให้มุมมองที่แตกต่างกัน แต่ความรู้สึกเดียวกันคือ มีความสงบสุขอยู่ภายใน เราสามารถมองเห็นบ้านเรือน ผู้คน ทะเล อาคารและความเจริญต่างๆ ได้จากบนยอดเขา
ช่วงเวลาที่ผมอยากแนะนำคือ ช่วงเย็นลากยาวถึงพลบค่ำครับ เพราะ เมื่อความมืดมาเยือน แต่ละบ้านเรือนก็จะเปิดไฟให้ความสว่างไสว ทีละดวงสองดวง จนเต็มทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าสวยงามเกินจะบรรยาย แสงไฟสะท้อนมาถึงหัวใจของผม ที่ต้องการความสว่างไสวจากบางสิ่ง ในยามที่เรารู้สึกเคว้งคว้างและมืดบอด อย่างน้อยภาพที่สวยงามกับลมโชยๆที่ปะทะใบหน้าผม ก็ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกครับ อาจเป็นสิ่งเล็กๆที่เราควรขอบคุณธรรมชาติ ที่คอยโอบเราให้อุ่นเสมอมา
อ้อ ที่นี่ เปิดทุกวันนะครับ เวลา 6:00-20:00 น. หากตั้งใจมาตอนเย็นและอยู่ถึงพลบค่ำ แนะนำให้พกไฟฉาย และ ยาทากันยุงมาด้วยครับ เบอร์ติดต่อ โทร.032511047 ครับ
จุดเช็คอินที่ 2 “ตลาดแทมมารีน”
ในยามค่ำคืน แต่ผู้คนไม่หลับไหล เราเดินทางมายังที่ที่มีไฟปิงปอง บรรยากาศครื้นเครง บรรเลงดนตรีไพเราะ อาหารหลากหลาย ที่ทั้งคนไทยและต่างชาติต่างเดินทางมากันอย่างล้นหลาม และสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยครับ “ตลาดแทมมารีน”
หากให้มองในมุมมองเชิงวัฒนธรรม ที่นี่ผสมผสานทั้งยุคเก่าและใหม่ของไทย รวมทั้งกลิ่นไอความเป็นนานาชาติ เป็นความลงตัวที่เข้ากัน และมีหลายมิติครับ มีเสน่ห์ที่ทั้งผมเอง และชาวต่างชาติก็ให้ความสนใจและชวนหลงไหลอยู่ไม่น้อยครับ เป็นการปรับรูปแบบให้เข้ากับยุคสมัย แต่ไม่ทิ้งความเป็นตัวตนไป
อาหารที่นี่ค่อนข้างหลากหลายครับ อาหารบางส่วน มีวัตถุดิบจากทะเล สดใหม่ ได้คืนกำไรสู่ชุมชนด้วยครับ อีกทั้งอาหารอื่นๆก็ไม่น้อยหน้ากันเลยครับ น่าทานทุกร้าน หากมีโอกาสมา แวะมาช็อปปิ้งที่นี่กันนะครับ ที่นี่เปิดเฉพาะวัน พฤหัส-อาทิตย์ เวลา 17:00-23:00 น. ครับ
จุดเช็คอินที่ 3 “เขาตะเกียบ”
ไม่ใช่เพราะเขาผอมเหมือนตะเกียบนะครับ แต่เป็นเพราะ เขาตะเกียบ มีลักษณะเป็นภูเขาคู่ขนาน ขนาดไม่ใหญ่นัก ยื่นไปถึงทะเล จึงถูกเรียกว่า “เขาตะเกียบ” ครับ
บริเวณบนเขา มีวัดเขาตะเกียบ ที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนาได้แก่ เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว (พระบรมสารีริกธาตุขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า) หากต้องการไปสักการะบูชา เตรียมการแต่งกายและร่างกายให้พร้อมนะครับ เพราะบันไดมีถึง 128 ขั้นด้วยกันครับ แต่ด้วยความศรัทธาที่มี ผมเชื่อครับว่า ทุกท่านสามารถเดินถึงจุดหมายแน่นอนครับ หากมาถึงแล้ว ห้ามพลาดจุดนี้นะครับ
นอกจากวัดเขาตะเกียบแล้ว บนเขายังมีจุดชมวิว ที่เห็นทัศนียภาพทั้งอาคารบ้านเรือน และริมทะเล ส่วนหาดข้างๆเขา ก็เรียกกันว่า หาดเขาตะเกียบ เพื่อง่ายต่อการจดจำครับ จะเดินเล่นริมหาดก็ดี ขี้ม้าก็ได้ครับ
จุดเช็คอินที่ 4 “ตลาดอาหารทะเลสด สะพานปลา เขาตะเกียบ”
หากใครอยากเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรม วิถีการทำประมงของชาวประจวบคีรีขันธ์ แนะนำที่นี่เลยครับ “ตลาดอาหารทะเลสด สะพานปลา เขาตะเกียบ”
ทันทีที่เรือประมงเทียบท่า ชาวประมงจะนำแหขึ้นจากเรือ และแกะสัตว์ออกจากแห แบ่งเป็นประเภทๆ ผมเก็บภาพบรรยากาศและศึกษาหาความรู้จากพี่ชาวประมง ไม่นานนัก ก็มีฝูงลิงน้อยใหญ่ เดินไปมาอย่างชินผู้คน พี่ๆที่นี่แนะนำให้เก็บของมีค่าไว้ให้ดี มิเช่นนั้น ลิงจะมาหยิบของไปได้ครับ
การค้าขายอาหารทะเลที่นี่ถือว่าคึกคักพอสมควรครับ เราสามารถซื้ออาหารสดกลับไปประกอบอาหารที่บ้านได้ จะซื้อไปฝากก็ดีครับ หรือว่าถ้าอยากทานอาหารทะเลสดๆใหม่ๆก็สามารถเลือกซื้อตามน้ำหนัก พร้อมให้ร้านค้าประกอบอาหารให้เราได้เลยครับ มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะ กุ้ง ปู กั้ง ปลาหมึก แมงดา และหอยอีกนานาชนิด
ที่สำคัญนอกจากจะเป็นการศึกษาวิถีชาวบ้านอย่างแท้จริงแล้ว ยังได้อุดหนุนสินค้าของพี่ๆชาวประมง เพื่อกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วยนะครับ ครบ จบ ทุกความต้องการจริงๆ อาหารก็อร่อยมากๆเลยครับ
จุดเช็คอินที่ 5 “ถ้ำดาว”
ถ้ำดาว ตั้งอยู่บนไหล่เขา และเป็นส่วนนึงของสำนักปฏิบัติธรรมวัดหนองพลับครับ ความแปลกตาของที่นี่คือ มีนกยูง อาศัยอยู่มากมาย และสามารถอยู่ร่วมกับสัตว์อื่นได้ปกติดีด้วย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราอาจเคยเห็นว่านก กับแมว และสุนัขจะไม่ถูกกันเท่าไหร่นัก แต่ความเชื่อเหล่านั้นใช้ไม่ได้กับที่นี่ครับ สัตว์ทุกชนิดรักใคร่กลมเกลียวกันดี
มีคำบอกเล่าที่ถูกบอกต่อๆกันมาจากชาวบ้านว่า คุณสุดใจ ศีสุวรรณ ชาวบ้านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้ค้นพบถ้ำดาวขึ้น จากนั้นจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูป นิมนต์พระมาอยู่ และตั้งเป็นสำนักสงฆ์ก่อนที่ตั้งวัดหนองพลับขึ้น อย่างไรก็ดี ยังไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนสำหรับการค้นพบถ้ำแห่งนี้ครับ เพียงแต่เป็นการบอกเล่าต่อๆ กันมาเท่านั้น
เมื่อผมเดินขึ้นบันไดมาเรื่อยๆไม่นานนักก็จะพบปากถ้ำ โดยจะมีเจ้าแม่เขียวค่อม สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ชาวบ้านที่นี่นับถือ และ พระพุทธรูปประดิษฐานภายในถ้ำให้เราได้สักการะบูชา และขออนุญาตท่านในการเข้าชม
จากนั้นผมแบ่งโซนในการเดินได้ถึงสามโซนด้วยกัน ทางขวานับจากปากถ้ำ จะเป็นโถงที่ใหญ่ที่สุด ค้นพบหินงอกหินย้อยอยู่ประปราย และจุดเด่นที่เป็นที่มาของชื่อถ้ำ ได้แก่ สะเก็ตดาวบริเวณด้านบนถ้ำ ที่เรียงรายคล้ายหมู่ดวงดาว เมื่อส่องไฟขึ้นเพดาน จะมองเห็นเหมือนดวงดาวระยิบระยับ
โซนที่สอง เดินเข้าไปทางขวาโดย ผ่านองค์พระที่ประดิษฐานอยู่ เป็นโซนเล็กๆจะมีลักษณะเป็นห้องลับ และโซนที่สาม อยู่ทางซ้ายจากปากถ้ำ บริเวณนี้จะมีค้างคาวอาศัยอยู่มาก และมีอากาศเย็นชื้น ฝนที่ตกจากภายนอก สามารถซึมน้ำผ่านรากไม้เข้ามายังในถ้ำได้เป็นอย่างดี
โดยรวมสำหรับที่นี่แล้วผมถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างเอาไว้ และความมีมนต์ขลังที่ชวนให้หลงใหล เป็นที่ที่น่ามาศึกษาหาความรู้เป็นอย่างมากครับ เพราะบางสิ่ง ในตำราก็ให้คำตอบเราไม่ได้จนกว่าเราจะสัมผัสด้วยตัวของเราเอง
ผ่านมาด้วยกันทั้งหมด 5 จุดเช็คอินที่น่าสนใจ ยังไม่รวมทั้งสถานที่ที่ผมขับรถผ่านอีกมากมาย เป็นการเดินทางที่ละมุนกลมกล่อม ประทับใจมากๆครับ แต่อย่าเชื่อในสิ่งที่ผมเล่าเลยครับ มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้วจะเห็นอะไรที่มากกว่า
#Amazingไทยเท่ #FightingDuo #เที่ยวไทยเที่ยวง่ายสนุกทุกทริป
อ่านข่าวเพิ่มเติม