จังหวัดใกล้กรุงเทพมหานคร อย่าง พระนครศรีอยุธยา มีสถานที่ท่องเที่ยวด้านประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วัดวาอาราม หรือ ตลาดเก่าโบราณ
หนึ่งในสถานที่น่าสนใจคือ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร“ ที่แม้จะมีรูปทรงเหมือนกับ “วัดคริสต์” แต่กลับเป็นวัดไทยแท้ ๆ และเป็นวัดแห่งเดียวในประเทศเท่านั้น ที่เป็นสไตล์โกธิกแบบนี้
วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ทางทิศใต้ของพระราชวังบางปะอิน เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ ปี 2419 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จแปรพระราชฐาน มาประทับยังพระราชวังบางปะอิน ใช้เวลาในการก่อสร้าง 2 ปี 22 วัน จึงแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2421
ไฮไลท์จะอยู่ที่การใช้ สถาปัตยกรรมแบบโกธิค เลียนแบบโบสถ์ของศาสนาคริสต์ และด้วยที่ตั้งของวัดอยู่บนเกาะกลางน้ำ ทำให้การจะเดินทางไปต้องมาทางเรือ หรือนั่งกระเช้าเข้ามาเท่านั้น วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร เลยมี “กระเช้าไฟฟ้าลอยน้ำ” เป็นอีกหนึ่งความน่าสนใจ ที่ดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวชม โดยกระเช้าจะออกทุก 5-10 นาที นั่งได้ 4-5 คน
พระอุโบสถ ของวัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร มีจุดเด่นอยู่ตรงบริเวณทางเข้าด้านหน้า ที่จะมีมุขยื่นออกมา เป็นแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วซ้อนกัน 2 ชั้น รอบผนังพระอุโบสถ จะเจาะช่องหน้าต่างเป็นลักษณะโค้ง ๆ แต่มีปลายแหลมแบบโกธิก
ส่วนบริเวณด้านหลังพระอุโบสถ จะเป็นหอระฆัง มียอดโดมเป็นทรงกรวยแหลม สูง 3 ชั้น บานประตู หน้าต่างภายใน ประดับกระจกสลับสี ซุ้มเรือนแก้วประดิษฐานประติมากรรม และมี พระพุทธนฤมลธรรโมภาส พระประธานของวัด ประดิษฐานอยู่ภายในซุ้ม
ภายในพระอุโบสถยังมีของน่าสนใจอื่น ๆ เช่น จารึกที่กล่าวถึงการสร้างวัดนิเวศธรรมประวัติแห่งนี้ และ พลับพลาทรงฝรั่งขนาดกำลังดี เป็นพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในคราวเสด็จมาบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ประดับรูปช้างเผือก 3 เศียร ซึ่งหมายถึงสยามเหนือ สยามกลาง สยามใต้ ที่พบอยู่บนตราพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจของพระอุโบสถ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร คือ บริเวณทางเข้าด้านหลัง ที่มีกระจกสียอดแหลมอยู่ใต้ Rose Window เป็นกระจกสีในกรอบวงกลม ที่พบเห็นได้ตามโบสถ์คริสต์
กระจกสียอดแหลมนี้ ทำเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ หรือภาพเหมือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ฉลองพระองค์ครุยอย่างไทย ประทับนั่งบนบัลลังก์
ภายในวัด ยังมีของดีให้ดูอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแดด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ช่างอิตาลีนำมาจากเมืองมิลาน และจัดตั้งเมื่อ ปี 2421 หอพระพุทธรูปศิลา ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก ศิลปะขอม ที่อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดลพบุรี ต้นพระศรีมหาโพธิ์ หอพระคันธารราษฎร์ หรือแม้แต่หมู่กุฏิของวัด ที่มีความหลากหลาย และสวยงามแปลกตา
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ศุกร์ (สุข) ละวัด ‘ทำบุญใหญ่’ ห่มผ้าหลวง ‘หลวงปู่ทวด’ วัดห้วยมงคล
- ศุกร์ (สุข) ละวัด: ส่อง 2 วัดเก่า ถิ่นพระนารายณ์
- ศุกร์ (สุข) ละวัด กราบไหว้ ‘5 วัดท้าวเวสสุวรรณ’
