เปิดเส้นทางรัก แดน-แพทตี้ เป็นแฟนกว่า 10 ปี วันนี้พร้อม #แต่งค่ะ เปลี่ยนสถานะเป็นคู่ชีวิต
ถ้าพูดถึงคู่หวานของวงการบันเทิงไทย เชื่อว่าต้องมีชื่อของคู่รักต่างวัยนักร้องหนุ่มชื่อดัง แดน วรเวช กับหวานใจสาวหน้าใส แพทตี้ อังศุมาลิน ติดโผด้วยอย่างแน่นอน เพราะถึงแม้จะคบหาดูใจกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ดีกรีความคลั่งรักของคู่นี้ก็ไม่มีลดลงเลยแม้แต่น้อย จนหลายคนลุ้นกันหนักมากว่าเมื่อไหร่คู่นี้จะมีข่าวดีสักที จนในที่สุดวันนี้ (13 ก.ย.) ก็ถึงเวลาเปลี่ยนสถานะจากคู่รักกลายเป็นคู่ชีวิต เมื่อ แดน-แพทตี้ ได้ออกมาประกาศข่าวดีพร้อมแต่งงานแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อปี 2563 แดน-แพทตี้ ควงคู่กันมาเปิดใจเส้นทางความรักกว่า 10 ปีในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง One31 และเมื่อช่วงเดือน มิถุนายน 2565 เปิดใจกับทางสำนักข่าว oneบันเทิง ยอมรับเคยเกือบเลิกราจากมองต่างมุม สุดท้ายปรับจูนลงตัว แพทตี้ ย้ำความรักครั้งนี้เหมือนถูกรางวัลที่ 1

เส้นทางความรัก แดน-แพทตี้
ตอนแรกเจอกันได้ยังไง แล้วใครจีบใคร ?
แดน : เจอกันในกองซีรีส์ เล่นซีรีส์ด้วยกัน ผมเป็นพระเอก เขาเป็นนางเอก แล้วเจอเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักดี ภาพแรกที่เห็นน้องเขาก่อนที่จะมากองละครหน้าโล้นมาก เขาจะแต่งตัวง่าย ๆ เราก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ทุกอย่างดูเรียบง่ายหมดเลย
แล้วแพทตี้เจอแดนครั้งแรกชอบไหม ?
แพทตี้ : ตอนแรกไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ เหมือนแบบหนูไปทำงาน เหมือนเพื่อนร่วมงานปกติ เป็นพี่คนนึง แค่นั้นเอง แล้วเหมือนตอนนั้นหนูจะสนิทกับพี่เต๋อกับแจ็คมากกว่า หลัก ๆ หนูไม่ได้คุยกับพี่แดนเลย
แดนพยายามเสาะหาเบอร์ ด้วยการไปขอช่างแต่งหน้า ?
แดน : ใช่ครับ ผมก็ไม่รู้จะไปขอใคร ไปถามเต๋อ ถามแจ็ค เดี๋ยวจะโดนแซว ก็เลยแบบไม่ได้ เราจะเข้าทางพวกนี้ไม่ได้ก็เลยไปเข้าทางช่างแต่งหน้า
พี่แดนมาจีบรู้สึกยังไง แล้วเขามาจีบยังไง ?
แพทตี้ : เขาก็โทรศัพท์มาเลย ตอนเขาโทรมาครั้งแรกหนูก็งง ๆ เพราะหนูอยู่ห้องพระ ตอนนั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะเขามาแบบตรงประเด็นเลยค่ะ แบบประมาณว่ามีคนคุยอยู่หรือเปล่า ถ้าจะคุยได้ไหม ประมาณนี้ ตอนนั้นหนูก็อ้ำ อึ้ง ก็ค่อย ๆ คุยไปก่อน
ใช้เวลานานไหมถึงตัดสินใจคุยกับพี่แดน ?
แพทตี้ : ก็นานเหมือนกันค่ะ ใช้เวลาประมาณหนึ่งเลย ที่แพทจะค่อย ๆ ดูว่าเขาเป็นยังไง เพราะมีหลาย ๆ คนเตือนเราเยอะ แต่เราก็ 50/50 คืออย่างน้อยเราก็ไม่ได้ปิดโอกาสเขาเสมอไป เราก็ดูจากที่เราสัมผัสด้วย

ทราบข่าวมาว่าคุณแม่ไม่ปลื้ม ?
แพทตี้ : หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ปลื้มหรือไม่ปลื้ม แต่แม่ไม่ได้มาพูดอะไรกับหนูขนาดนั้น
แดน : เราต้องเข้าตามตรอก ออกตามประตู มีอยู่วันนึง เขานัดไปทานข้าวเจอครอบครัวเขาหน่อยไปครบเลย ตอนแรกก็ปกติ ยังไม่มีอาการอะไรมาก แล้วอยู่ ๆ พี่น้องเขานัดกันแล้วลุกออกไปหมด เหลือผมกับแม่ แล้วแม่มองหน้าผมแล้วส่ายหน้า ทำไมต้องเป็นเธอ ตอนนั้นผมก็ยกชาเขียวมากิน ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนั้นคุณแม่อาจจะเห็นมีข่าวเยอะ
แล้วชนะใจคุณแม่ยังไง ?
แดน : ก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นหลังจากนั้นผมก็ปฏิบัติตัวดี สวดมนต์ ไหว้พระ
อะไรคือบทพิสูจน์ที่ทำให้คุณแม่เชื่อใจ ?
แดน : เวลาครับ หลังจากนั้นผมก็นิ่งมาก มีแต่ข่าวเรื่องงานอย่างเดียว ข่าวเรื่องนู่นนี่ไม่มีเกิดขึ้นเลย
อายุห่างกัน 7 ปี มีช่องว่างหรือปัญหาอะไรเกิดขึ้นไหม ?
แดน : ผมว่าคงจะมีช่วงแรก ๆ มากกว่าที่ต้องใช้เวลาในการปรับจูนกัน ส่วนเรื่องความห่าง 7 ปี ผมโชคดีอย่างที่ผมคาดเดาในตอนแรก คือน้องเขาเป็นคนเก่ง ขับรถมาเอง จัดการทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเขามีความโตอยู่แล้วกว่าอายุของตัวเอง
แพทตี้แล้วปกติทะเลาะกันเรื่องอะไร ?
แพทตี้ : คือเขาเป็นคนแบบคิดเร็ว ทำเร็ว แล้วเราจะเป็นแนวชิล ๆ บางทีเขาถามเรากินอะไร เราก็จะแบบกินอะไรดี ตอบช้าบางทีก็มีผล
แดน : อันนี้คือความต่างมหาศาลระหว่างคู่ของเรา คือผมเป็นคนเร็วมาก เร็วทุกสิ่งทุกอย่าง ยิ่งโดนเร่งน้องก็เหวอ ทุกวันนี้เราคุยกัน ผมเองก็เริ่มหยุดรอเขา เขาเองก็เดินเร็วขึ้นแล้วมาเจอกันตรงกลาง

เคยเกือบเลิกราจากมองต่างมุม สุดท้ายปรับจูนลงตัว
แดน : 10 กว่าปีแล้ว มันดีขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเราปรับจูนกันมากขึ้นในระหว่างทาง แล้วก็จูนหลัก ๆ กลายเป็นจูนเรื่องความเชื่อมากกว่า ความเชื่อในแนวคิด ทัศนคติต่าง ๆ แล้วถือว่าเป็นโชคดีที่พอเราจูนกันแล้วเราชอบความเชื่อแบบเดียวกัน มันก็เลยทำให้เราไม่ทะเลาะกัน ถามว่าปรับตัวเยอะไหม ก็เป็นเรื่องของการใช้ชีวิตมากกว่าโดยเฉพาะของแดน ซึ่งของแพทไม่ค่อยมีอะไรหรอก เขาก็ใช้ชีวิตชิลล์ๆไปเรื่อย ๆ แต่ว่าของผมน้องเขาจะงงนิดนึงว่าช่วงที่เราคบกันเรายังไม่ได้ทำงานเบื้องหลัง แล้วเหมือนว่าผมก็มีเวลาพาเขาไปกินข้าว ดูหนัง เยอะขึ้น แต่พอคบกันไปสักระยะผมเริ่มทำงานเบื้องหลัง ไม่ได้มีเวลาให้เขาเลย ไม่เลยแบบไม่มีเลย เดือนนึงไม่ได้เจอกันเลยก็มี ตรงนั้นก็เริ่มจะคลุมเครือเหมือนกันว่าจะยังไง
แพทตี้ : แต่เขาก็พูดตลอดว่าอยากให้เข้าใจเขานะ ที่เขาทำก็ทำเพื่อครอบครัว เพื่อหาเลี้ยงชีพ เพื่อความมั่นคงของชีวิต ซึ่งอันนั้นเราเข้าใจค่ะ แต่ก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนบางทีเราก็รู้สึกว่าเมื่อไหร่มันจะถึงจุดที่สบายบ้างหรือจุดที่เราได้ใช้เวลาร่วมกันบ้าง ก็เคยพูด เคยบอกเขาเหมือนกันอย่างน้อยก็ให้เข้ารู้ว่าอย่างน้อยเราก็รู้สึกเหมือนกันว่าอันนี้ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่
แดน : ผมก็ค่อย ๆ หาวิธีที่มันจะดีที่สุด งานเราก็คงต้องเลือกมากขึ้นว่างานอะไรที่มันน้อยแต่มาก หมายถึงว่าแบบทำงานน้อย ง่าย แต่ได้รายได้เยอะโดยที่มีเวลามากขึ้น แล้วก็มาโฟกัสสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมากขึ้น ก็เป็นช่วงของการศึกษาชีวิตกับตัวเองด้วยนะ หนังสือมีแค่ไหนในบ้านขนมาอ่านหมด แล้วก็สั่งเพิ่ม เป็นช่วงที่อยากตกตะกอนความคิดมาก ๆ ก็ไปบวชมา ก็หลายอย่างเหมือนกัน
แพทตี้ : ตัวเขาเองทำงานหนักก็จริง แต่เขาเองก็ไม่ได้มีความสุขนะคะที่ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้ หนักขนาดนี้

แดน : เหมือนที่ผ่านมาเราเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะ คือเราเคยคิดว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อไขว่คว้าหาความสำเร็จ ต้องสำเร็จให้ได้ เป็นนักร้อง เป็นผู้กำกับ เป็นคนแต่งเพลง เป็นโน่นนี่มากมาย แต่พอเราศึกษามากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าบางทีความสำเร็จแล้วไง ก็ต้องไปต่อ ก็ต้องเหนื่อยอีกเหรอ จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย มนุษย์ทุกคนสิ่งที่จะต้องหาให้ได้ในวันที่เราเกิดมาก็คือความสุขเท่านั้นเอง ความสำเร็จบางทีมันไม่ได้ตอบโจทย์ของความสุขนะ จนวันนี้เรารู้แล้วว่าเราต้องมีความสุขก่อนถึงจะสำเร็จได้ และต้องมีความสุขวันนี้ด้วยนะ ไม่ใช่ไปถึงเส้นชัยก่อนแล้วค่อยมีความสุข ต้องมีความสุขในระหว่างทาง เพราะฉะนั้นผมก็จะเลือกเป้าหมาย ปังธงเป้าหมาย ก็ยังเป็นคนบ้าในการปักธงอยู่นะ เพียงแต่ต้องเลือกว่าสิ่งนั้นระหว่างทางเราจะมีความสุขใช่ไหม
เช่นกลับมาร้องเพลงตอนนี้ ผมก็รู้ว่าเป้าหมายนี้ระหว่างทางมีความสุขแน่นอน เช่น แค่ได้ฟังเพลงหาเรฟเฟอร์เรนซ์ก็มีความสุขแล้ว ได้เข้าห้องอัด ได้นั่งซ้อมดนตรีก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องไปเป้าหมายร้อยล้านวิว มีคอนเสิร์ตใหญ่ก็ได้ ชีวิตนี้จะไม่ถึงอีกเลยก็ไม่เป็นไร วันนี้เราแฮปปี้แล้ว ผมใช้เวลาประมาณ 2–3 ปีที่ผ่านมา ทบทวนตัวเองอย่างหนัก อย่างที่บอกเวลาเราอะไรเราทำสุด เวลาการทบทวนตัวเองก็สุด ผมโฟกัสกับมันมากอย่างที่บอกว่าหนังสืออ่านหนักมากๆ ไปบวชก็พยายามจะเข้าใจกับมันมาก ๆ ว่าจริง ๆ แล้วมนุษย์เกิดขึ้นมาจุดประสงค์หลักชีวิตต้องการอะไร
แพทตี้ : หนูแฮปปี้มากที่เขารู้ เพราะว่าเหมือนหนูเห็นตั้งแต่เริ่มมาทำเบื้องหลัง เหมือนเราเป็นคนนอกที่เห็นเขาอยู่ตลอดเวลาแต่บางทีก็พูดได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ด้วยการงานของเขา แต่ก็มีแย็บตลอด จนสุดท้ายวันนึงเขาก็โอเค เขาเบนมาในทิศทางที่มาลิ้งค์กับเราซึ่งมันดีมากๆที่ทให้เหมือนเราทั้งคู่ตอนนี้หลายๆอย่างคิดคล้าย ๆ กัน หนูเป็นคนมีความสุขง่ายมาก เคยบอกกับพี่แดนว่าแค่ไปเดินห้างกับพี่หรือไปกับครอบครัว คนที่เรารัก แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว หนูเป็นคนที่ง่ายมาก ๆ กับความสุข แต่พี่แดนจะต้องไปถึงเป้าหมายถึงจะมีความสุข แต่ในระหว่างทางพี่แดนไม่ค่อยได้เก็บว่าความสุขระหว่างทางคืออะไร แต่พี่แดนเคยบอกนะว่าเราทำอะไรเขาไม่เก็ทเลย ไม่เข้าใจเหมือนเราไร้สาระนิด ๆ

แดน : ไม่ได้ขนาดนั้น (หัวเราะ) ถามว่าความต่างคืออะไร ความต่างคือเรื่องนี้ ที่ผมเป็นคนโฟกัสความสำเร็จโคตร ๆ แต่เขาโฟกัสความสุขแค่นั้นเอง ซึ่งปรากฎว่าเขาถูก แต่วันนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าเขาถูกจนเรามีข้อมูลต่าง ๆ มากมายมาซัพพอร์ตว่าจงมั่นใจว่าสิ่งที่เขาเป็นมันถูกต้อง ไม่ต้องเขวมาทางนี้
แพทตี้ : แฮปปี้ค่ะ เหมือนเรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่มันดี แต่บางทีเราถ่ายทอดให้เขาถูกบ้าง ไม่ถูกบ้าง เพราะบางทีเราไม่ได้มีหลักการขนาดนั้น แต่เราแค่รู้ หนูก็ใช้ระยะเวลาเรื่อย ๆ ในการบิ้วเขาหรือบอกเขา ซึ่งก็แฮปปี้ที่อย่างน้อยวันนี้เขาก็เหมือนเก็ท เขาข้าใจ
แดน : เขาบอกมาตลอดนะ แต่เขาบอกมากไม่ได้เดี๋ยวมันจะทะเลาะกัน มันอาจจะเหมือนต่างนะแต่มันก็ไม่ได้ต่างมั้ง อาจจะเป็นคาแร็กเตอร์ ผมว่าดีขึ้นมาก ๆ นะ ไม่มีทะเลาะกันเลย พอทุกอย่างมันคิดไปในทิศทางเดียวกัน พอเรามาโฟกัสความสุขมาก ๆ ถ้าคู่รักเราพูดถึงความโรแมนติก ความหวาน มันก็มากขึ้นด้วยซ้ำ มีเวลาโฟกัสใส่ใจกันมาก อย่างที่บอกเมื่อก่อนผมจะไปถึงเป้าหมายอย่างเดียวแล้วค่อยไปเฮวันนั้น ซึ่งมันก็คงมีระยะเวลาในการเฮแป๊ปเดียว เหมือนเวลาคนขึ้นโพเดียมแล้วเปิดแชมเปญ แล้วพอลงไปยังไงต่อกับชีวิต พอเราเข้าใจตรงนี้ชีวิตต่าง ๆ ก็ดีขึ้น ก็เลยจูนกันเข้าใจมากขึ้น

ความรักครั้งนี้เหมือนถูกรางวัลที่ 1
แพทตี้ : เมื่อก่อนเรารู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายนะ สำหรับเรื่องของความรักหรือคู่รักที่จะไปถึงแบบคนแก่จูงมือกัน ภาพนั้นมันก็ไม่ได้ง่ายเสมอไปที่เราจะไปแจ็คพอตแบบนั้น ทำให้ตัวเราไมได้คิด คาดหวังอะไรใด ๆ เลย รู้สึกว่าถ้าไม่คาดหวังมันก็ไม่เจ็บ ถ้ามีก็ค่อย ๆ ไป ก็เลยพยายามไม่ตั้งความหวังใด ๆ
แดน : ตอนนี้ได้แจ็คพอตแล้ว อยู่ตรงนี้ (หัวเราะ)
แพทตี้ : เป็นรางวัลที่ 1 แล้วค่ะตอนนี้ (หัวเราะ) แต่ว่ามันไม่ง่ายนะ มันไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก มันมีปัจจัยอื่นเยอะมาก ทั้งเรื่องมาจากต่างจากครอบครัว หรือเราจะต้องจูนกันด้วยเรื่องของเรา จูนเรื่องของครอบครัวด้วย หนูว่ามันไม่ใช่แค่ว่าอยากจะมีก็มีได้ มันต้องให้ทุกอย่างลงตัวจริง ๆ
แดน : มันทำได้นะ อย่างคู่เราก็เป็นตัวอย่างว่าทำได้ เราต่างกันสุดขั้ว ครอบครัวเขากับครอบครัวผมวิธีคิดต่างกันเลย เราไทยจ๋ามาก ๆ เขามีความเป็นจีนสุด ๆ ซึ่งวัฒนธรรมต่าง ๆ ก็ต่างกันมาก ก็ยังสามารถมาจูนกันได้ ที่สำคัญคือเรื่องของทัศนคติและสองคนต้องรักกันมาก ๆ ที่พร้อมจะปรับปรุงซึ่งกันและกัน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หลุดภาพ กุ้งพลอย อดีตภรรยา ศรราม ช็อตหวานตอกย้ำข่าวลือ ซุ่มคบดาราหนุ่มรุ่นน้อง
- แฉพระเอกช่องดัง พ่อทีม Forex-3D ติดต่อ กรรชัย ออกโหนกระแส เตือนซาร่าเช็กของมีค่า
- มดดำ ได้คุย แป้ง อรจิรา ดราม่าดารา ป. ขอโทษแล้ว 2 ครั้ง ชี้ เป็นคนหน้าแบบนี้