Entertainment

เปิดใจ เติร์ด Tilly Birds ในวันที่มรสุมหนักสุดในชีวิต สูญเสียพ่อแม่ไปตลอดกาล

เปิดใจ เติร์ด Tilly Birds ในวันที่มรสุมหนักที่สุดในชีวิต สูญเสียพ่อแม่ไปตลอดกาล เจ้าตัวเผยคุณแม่เป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 จากนั้นอีกไม่นานคุณพ่อก็ได้จากไปด้วย

เป็นอีกหนึ่งนักร้องคุณภาพของวงการเพลงไทยก็ว่าได้ สำหรับ เติร์ด Tilly Birds หรือ เติร์ด อนุโรจน์ เจ้าของเพลงฮิต ติดชาร์ต ที่เราอาจจะเคยได้คุ้นหูกันมาบ้างแล้ว เช่น คิดแต่ไม่ถึง เพื่อนเล่น ไม่เล่นเพื่อน เป็นวงที่เริ่มก่อตั้งกันเองตั้งแต่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 4 ก่อนที่จะเข้าร่วมงานกับค่าย Gene Lab ในปี 2561 และมีผลงานต่าง ๆ ออกมาให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันมาเสมอ

ปกเติร์ด Tilly Birds

เปิดใจ เติร์ด Tilly Birds ในวันที่มรสุมหนักสุดในชีวิต สูญเสียพ่อแม่ไปตลอดกาล

ล่าสุด (13 ก.ค.) เติร์ด ได้มาเป็นแขกรับเชิญในช่องยูทูบ WOODY เติร์ด ได้มาเปิดใจเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต รวมถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดที่ต้องผ่านมาให้ได้ เติร์ด บอกว่าจิตใจตอนนี้มีความขึ้น ๆ ลง ๆ ตั้งแต่ที่เสียพ่อแม่ก็กลับมาทำงานเลย ไม่ค่อยได้มีเวลาให้กับตัวเองเท่าไหร่ ว่ากำลังรู้สึกอะไร เครียดอะไรบ้าง ไม่สบายใจเรื่องอะไร มีเวลาให้ตัวเองก็คือก่อนนอน หรือตอนขับรถ ส่วนใหญ่จะคิดถึงพ่อแม่ แต่ก็ไม่อยากทำให้ตัวเองดาวน์เท่าไหร่ บอกกับตัวเองไม่อยากเป็นโรคซึมเศร้า ยังมีเพื่อน ๆ ที่คอยอยู่ด้วย

ก่อนพ่อเสียก็ได้พูดกับเติร์ดว่า “ป๊าว่าเติร์ดอยู่เองได้แล้วแหละ เติร์ดเข้มแข็งได้ เติร์ดเข้มแข็งมาก เริ่มทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว” พร้อมเผยว่าตัวเองโตมาเหมือนลูกคุณหนูมาก

เติร์ด Tilly Birds5

ครอบครัวเราเป็นแบบไหน?
ผมรู้สึกอบอุ่นนะ เขาเลี้ยงดูแลผมเป็นอย่างดีเลย ป๊ากับแม่ผมรู้สึกอยากให้เขาเป็นพ่อแม่ต้นแบบเหมือนกันนะ เพราะว่าสนับสนุนทุกอย่างที่ผมทำ จะทำหนัง เล่นละครเวที จะเรียนอะไรให้หมด เขาแค่บอกว่าดูแลตัวเองให้ได้แล้วกัน เขาภูมิใจในตัวเรา แต่แม่อาจไม่ทันได้บอก แต่ป๊าบอกช่วงที่แม่เสียแล้วว่าเพลงดังแล้วเนอะ คิด(แต่ไม่)ถึง ได้ร้อยล้านแล้ว เขาก็บอกว่าภูมิใจ ผมไม่รู้ว่าพูดอะไรบ้าง แต่เขาน่าจะภูมิใจ

ตอนที่คุณแม่จากไปรู้ว่าหนักมาก ความรู้สึกในตอนนั้น?
ตอนที่เขาจากไปไม่ได้เศร้าเท่ากับตอนที่รู้ว่าเขากำลังจะเสีย เพราะว่าคืนที่ไปหาแม่ที่โรงพยาบาล แล้วเข้าไปป๊ากับแม่ก็ยิ้ม ทุกอย่างก็ดูปกติ ป๊าบอกว่าแม่เป็นขั้นที่ 2 ไม่เป็นไรมาก เดี๋ยวก็หาย แล้วป๊าก็บอกว่าเดี๋ยวเติร์ดออกไปคุยกับป๊าหน่อย แล้วเขาก็พาเดินไปไกลมาก แล้วเขาก็บอกว่าแม่เป็นขั้นที่ 4 นะเป็นขั้นสุดท้าย แต่ว่าเราบอกแม่ไม่ได้แล้วเขาก็ปล่อยโฮกับผมเลย ในชีวิตผมไม่เคยเห็นเขาร้องไห้มาก่อน เราก็กอดต้องปลอบเขา แต่เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน

คืนนั้นก็เรียกเพื่อนมานอนด้วยเพราะว่านอนคนเดียวไม่ได้ แล้วเราก็ร้องไห้ไปจนหลับ ร้องไปประมาณ 2-3 อาทิตย์ จนได้หมอปั๊บแล้วรู้ว่าทำคีโมพอจะมีความหวังอยู่ แต่ร่างกายแม่ผมอ่อนแอ หมอบอกว่าอยู่ได้สูงสุดแค่ 6 เดือน วันที่ 27 พ.ค. แม่บ้านโทรมาหาผมว่าแม่ช็อกปั๊มหัวใจให้รีบมา ตอนระหว่างขับรถก็คิดว่าเขาไปแน่เลยมั้ง ไม่เป็นไรนะถ้าเขาไปก็ไม่เป็นไร จะได้ไม่ทรมาน

คือผมรู้นะเพราะป๊าบอกผมว่า แม่บอกเขาว่าอยากไปทุกวัน ๆ เรารู้แต่ก็ไม่ได้บอกแม่เรื่องนี้ เพราะแม่ก็ไม่บอกเราเหมือนกัน แม่เข้า ICU อยู่ได้ประมาณ 4-5 วัน เขาก็เสียวันที่ 3 มิ.ย. เราก็ไปถึงคนแรก คุณหมอบอกว่าเสียใจด้วยนะครับคุณแม่เสียชีวิตแล้ว ไปตอนที่เขากำลังปั๊มลมพอดี เราโล่งตอนที่เขาไป เพราะเขาจะไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว แค่เราต้องดีลกับใจตัวเองว่าโอเค ไม่มีเขาแล้วนะ อยู่กับป๊า 2 คนแล้วนะ

คุณพ่อเป็นยังไงบ้างตอนที่คุณแม่จากไป?
แรก ๆ ดูเข้มแข็ง จากนั้นดูไม่เหมือนเดิม กลับมาเป็นโรคซึมเศร้าหนัก ป๊าผมเป็นโรคซึมเศร้ามาตั้งแต่ผมยังเด็กๆ แล้วเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ หมอก็ลดยาจาก 2 เม็ดเหลือเม็ดเดียว เหลือครึ่งเม็ด จนแทบไม่ได้กินแล้ว จนกระทั่งพอแม่ป่วยและเสีย เด้งกลับไป 2 เม็ดเลย

มีหลาย ๆ ครั้งที่เขาบอกผมว่าวันนี้ป๊าไม่ไหว แล้วเราก็รู้จากพี่ชายว่าป๊าเกือบจะยิงตัวเองนะ โชคดีที่เขาโทรไปหาเพื่อนเขาก่อน เขาเลยรู้แล้วมาทัน แล้วเขาก็บอกผมว่าจะไม่ทำร้ายตัวเองแล้ว เขาสัญญา แล้วก็แย่ลงเรื่อย ๆ จนวันก่อนเขาเสีย ท่าทีเขาแปลกมาก ไม่ค่อยกินข้าว นอนไม่หลับตา สายตาว่างเปล่า เหมือนชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว แล้วก็บอกผมว่าป๊าไม่ไหว ป๊าอยากไปมากเลย แล้วป๊าว่าเติร์ดเข้มแข็งนะ อยู่คนเดียวได้แล้ว เราก็น้ำตาไหล แล้วก็บอกว่าไม่เอา ทำไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยกันสิ แล้วหนูจะอยู่กับใครล่ะ

เขาคิดถึงแม่มาก แม่เป็นส่วนใหญ่ ๆ เลย แล้วที่เหลือตามมานั้นเป็นภาระในชีวิตของเขาหรือชีวิตของพวกเรา มีหนี้สินเยอะ เราก็คิดว่าถ้าเป็นเราก็อาจจะทำเหมือนเขาหรือเปล่านะ แบบมันนักหนามากจริง ๆ แล้วเขาเป็นโรคซึมเศร้าด้วย หลาย ๆ อย่างมาถาโถมที่เขา

วันนั้นเขาก็ขอกอดหน่อย เราออกไปทำเพลงกับวง วันนั้นผมก็เอะใจ เนื่องจากเขาเคยให้สัญญาไงว่าเขาจะไม่ทำอีก จะอยู่กับเรา ถ้างั้นเราเชื่อ กลับมาจากทำเพลงก็รู้สึกแปลก ๆ แล้วว่าทำไมไฟหน้าบ้านปิดมืด เพราะปกติเขาจะเปิดตลอด ก็เข้าไปชั้นล่างดูปกติทุกอย่าง เราก็นั่งดูทีวีไม่ได้อะไร รู้สึกว่าแกคงเข้านอนแล้วมั้ง พอขึ้นไปก็เห็นว่าเขาทำแล้ว ตกใจมาก ช็อก เขาก็ทิ้งโน้ตไว้ มันช็อกแล้วก็ค่อย ๆ ร้องออกมา หลังจากนั้นเหมือนไม่มีแรง รู้สึกมันหนาวมาก ต้องการความอบอุ่น แต่ว่าหลังจากนั้น 3-4 วันก็ร้องไห้ติดกันทั้งวันทุกวัน

จนถึงวันที่จัดงานศพ ที่เราโอเคแล้ว เป็น 3-4 วันที่ทรมานมาก คิดว่าเราจะเอายังไงในชีวิตต่อดี แล้วก็เป็นห่วงเขาเพราะเขาฆ่าตัวตายไม่รู้ว่าวิญญาณจะสงบสุขไหม ตอนแรกผมไม่เชื่อเลยนะเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งผมได้กลิ่นแม่ในวันนั้น ผมรู้สึกว่าโอเคเรื่องนี้พลังงานพวกนี้ก็มีอยู่จริง พี่โอมก็เลยแนะนำว่าบวชได้ก็ดีนะ จะได้เป็นกุศลส่งให้คุณพ่อไปในที่ที่ดี ไปสู่สุคติจริง ๆ

เติร์ด Tilly Birds3

นึกถึงความรู้สึกว่าทำไมมันเกิดขึ้นกับเรา ทั้งพ่อและแม่?
คือปีนั้นผมเบญจเพสอายุ 25 พอดี แล้วก่อนที่ผมจะ 25 ผมก็เสียสุนัขตัวเองไปด้วยโรคมะเร็งปอดเหมือนแม่เลย ขั้นสุดท้าย แล้วผมก็เจอน้องคนแรก แล้วตอนที่เป็นแม่ผมก็เจอคนแรก ตอนป๊าผมก็เจอคนแรกเหมือนกัน ผมเลยรู้สึกว่ามันบังเอิญเหรอ หรือว่ามันถูกกำหนดมาแล้ว จักรวาลกำลังจะบอกอะไรเรา ผมเป็นคนที่พยายามจะเข้าใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในชีวิต เข้าใจว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ ความเข้าใจนั้นมันเลยทำให้เรายอมรับมั้ง

ตื่นมายังนึกถึงท่านทุกวันไหม?
ไม่มีวันไหนไม่คิดถึงเลยพี่ คิดถึงทุกวันจริง ๆ จะมีโมเมนต์ที่เหงา ๆ บ้างแล้วแบบมันคงจะดีถ้าเขาอยู่ตรงนี้ จะได้เล่าให้เขาฟัง เราอยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

ขอบคุณสัมภาษณ์ : WOODY

เติร์ด Tilly Birds2

เติร์ด Tilly Birds5

เติร์ด Tilly Birds1

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo