Entertainment

อดีตนางเอกดัง นุ่น สินิทธา เปิดใจออกวงการ 8 ปี เคลียร์เกาเหลาน้องสาว พลอย เฌอมาลย์

เปิดใจ นุ่น สินิทธา หลังออกจากวงการ 8 ปี พร้อมเคลียร์ข่าวเมาท์ไม่ถูกกับน้องสาว พลอย เฌอมาลย์ จริงไหม…?

อดีตนางเอกแถวหน้ายุค 90 อย่าง นุ่น สินิทธา ที่วันนั้นจะมาเผยชีวิตหลังออกจากวงการบันเทิง 8 ปี เพราะป่วยเป็นเนื้องอก พร้อมเผยความสัมพันธ์พี่น้องกับ พลอย เฌอมาลย์ ที่ไม่เคยเปิดที่ไหน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และ เป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

8 นุ่น สินิทธา 5

อดีตนางเอกดัง นุ่น สินิทธา เปิดใจออกวงการ 8 ปี เคลียร์เกาเหลาน้องสาว พลอย เฌอมาลย์

นุ่น สินิทธา หายไปไหนมา ?

“นุ่นออกจากวงการตั้งแต่ 8 ปีที่แล้ว ฉันหมดแพชชั่นกับมันแล้ว บทละครก็มีที่เขามาเสนอแล้วเราชอบ แต่เราไม่ชอบการทำงานที่เราไม่สามารถควบคุมเวลาตัวเองได้”

จริงไหมที่ตอนออกจากวงการ ครอบครัวบอกไม่ได้ อยู่ก่อน ?

“ใช่ ทุกคนเห็นว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ทำให้เราเกิดมา เป็นอาชีพที่สร้างครอบครัว สร้างฐานะให้ทุกอย่างกับเราแล้วเขาคิดแบบเซฟโซน แต่นุ่นคิดแบบลุย เขามีเหตุผลของเขา คุณอยู่ตรงนี้ต่อไปสิ ทำต่อไป แต่เราหมดความตั้งใจหมดความอยากใฝ่รู้ เรียนรู้ที่จะพัฒนาตรงนี้แล้ว แต่มันเป็นเซฟโซนที่ไม่ได้การันตีว่ามันจะตลอดไป เพราะว่าเราไม่ได้ควบคุมมัน เราถูกคนอื่นควบคุม”

หนึ่งเหตุผลคือตอนนั้นป่วยด้วย ?

“ตอนนั้นเป็นเนื้องอกในมดลูกครั้งแรก”

ไปตรวจมาแล้วกลัวจนออกจากวงการเลยเหรอ ?

“ไม่ใช่ เราสุขภาพไม่ดีใช่ไหม แล้วเราเป็นเนื้องอกมาก่อนแล้วรอบนึง ทีนี้เนื้องอกมาตอน 30 ตอนนั้นเราใช้ชีวิตปกติ กิน ดื่ม เที่ยว ของโปรดของเราคืออาหารแปรรูป ไส้กรอก มันกินง่าย เสร็จแล้วทีนี้คุณหมอตรวจเจอครั้งแรก 7 มิล คุณหมอบอกว่าจะเอายังไงดี จะผ่าก็ได้นะ คุณหมอบอกว่า อีก 3 เดือนมาเจอกัน เราแบบอุ้ย…ผ่าตัดจะต้องดูแลตัวเอง มีการพักฟื้น ก็กินใหญ่เลย ตอนนั้นก็ทานไส้กรอก แปรรูปทุกชนิด ไม่ได้ดูแลตัวเอง คิดว่าอาหารก็คืออาหาร เสร็จปุ๊บ 3 เดือนจะไปผ่า หมอบอกไปทำอะไรมาทำไมมันใหญ่ขึ้น จาก 7 มิล ขึ้นไปเป็น 1.5 เซน”

พอผ่าเป็นยังไง ?

“ผ่าเสร็จหมอเอามาให้ดูเลย เราก็แบบต่อไปนี้ฉันจะแข็งแรงแล้ว ต่อไปนี้ฉันจะหาย สุขภาพดีไม่มีอะไรเกิดขึ้นปฎิบัติตัวเหมือนเดิม กินเหมือนเดิม หมอก็เรียกฟอลโลว์อัพ ปีที่ 3 มา 2 ลูก คือเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับการรับประทานเลย ไม่เคยสนใจอาหารว่ามันทำอะไรกับร่างกายเรา ไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าอาหารที่มีอยู่เราสามารถรับประทานได้ทุกอย่าง”

ไซส์เท่าไหร่ ?

“อย่างละ 2 เซนกว่า”

นุ่น สินิทธา กลัวตายไหม ?

“ตอนนั้นเนื้องอกศึกษามาแล้ว มันไม่ทำให้ตาย แต่ถ้ามันเปลี่ยนเป็นเนื้อร้ายเมื่อไหร่อันตราย คุณหมอก็ให้ฟอลโลว์อัพทุกปี”

8 นุ่น สินิทธา 2

แล้ว 2 เซน 2 ลูกเราไม่ผ่า ?

“ไม่ผ่า เก็บไว้ดูเล่น อันนี้มันยังเป็นเคสที่ไม่หนัก เคสที่หนักคือตอนที่เป็นซีสต์ถุงน้ำในรังไข่ เมื่อ 3 ปีก่อน ที่เราคิดว่าจะเป็นมะเร็ง อันนั้นฟูมฟาย คือตรวจพบเพราะว่าประจำเดือนไม่มา ตอนนั้นก็ไม่ได้ดูแลตัวเอง แต่เริ่มออกกำลังกายเริ่มกินอาหาร ทำคีโตแล้ว แต่ทำไมประจำเดือนไม่มา 1 เดือน 2 เดือน ชักไม่ดี พอเดือนที่ 3 ไม่ใช่แล้ว ก็ถามเพื่อนในวัยเดียวกัน เพื่อนบอกว่าอาจจะเป็นวัยทองก่อนวัยอันควร เพื่อนบอกมีทางเดียวที่รู้ คือ ตรวจ ก็ไปหาคุณหมอ ไปตรวจเสร็จคุณหมอพบถุงน้ำ 2 ข้าง เป็นซีสต์ที่รังไข่ คนอื่นเขาเป็นข้างเดียว นี่มา 2 ข้างเลย ทำไงคะ ฉีดยา ไม่ต้องกังวลเดี๋ยวอีก 7 วันประจำเดือนก็มา ฉีดปุ๊บวันแรกเจอเอฟเฟกต์ แขน ขา มืออ่อนแรง แพ้ยา กลับไปรอ 7 วันจะมีประจำเดือนใช่ไหม ก็ยังทำงานปกติ แต่มันไม่มา คราวนี้ปรึกษาแม่เพื่อน กับเพื่อน ก็ถามเขาเหมือนทฤษฎีเขาเยอะ เรื่องสุขภาพ เขาก็บอกทำอย่างนี้สิ ไม่กินอาหารเลย กินแต่น้ำเปล่า”

กี่วัน ?

“ตอนนั้นทำ 5 วัน ดื่มน้ำเปล่า ๆ ผสมเกลือนิดหน่อย เพื่อให้มันมีเกลือแร่อยู่ แต่ละวันกินน้ำ 5-6 ลิตร เราทำไป 5 วัน วันที่3 ประจำเดือนมา จาก 4 เดือนที่ประจำเดือนไม่มา ฉีดยาก็แล้ว”

สมัยก่อนเคยเชื่อไหมว่าการเปลี่ยนอาหารมันจะช่วยเราได้ ?

“ใช่ อาหารคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต”

หลังจากนั้นมีวิธีดูแลตัวเองยังไง ?

“ศึกษาละเอียดเลย ว่าอาหารแต่ละชนิดทำปฏิกิริยาอะไรกับร่างกายเราบ้าง น้ำตาลเป็นส่วนสำคัญที่สุดในระบบที่เรากินอยู่ทำให้ร่างกายเราเหนื่อย อ่อนเพลีย หรือสดชื่น จริง ๆ วันนึงคนเราบริโภคน้ำตาลได้ไม่เกิน 3 ช้อนชา ถ้าคุณทานผลไม้ทุกชนิด เกิน 1 ลูกต่อวัน น้ำตาลก็สูงแล้ว

ที่เราศึกษาเรื่องอาหารทั้งหมดเพราะเรากลัวตาย ?

“ไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวว่าแก่แล้วจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก พอเรากินถูกที่ ถูกทาง ซีสต์มันฝ่อลง เพราะนี่คือการควบคุมจากการบริโภค โจทย์ทุกวันนี้คือ กินให้พอเหมาะ พอดี คือร่างกายเราปลอดโรค เพราะเรารู้หลักไม่ให้เกิดโรค แล้วทำยังไงให้มันเป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับร่างกายเรา”

ตอนช่วงไม่สบาย น้องสาวมาดูแลไหม ?

“ตอนป่วยครั้งแรก พอออกมาปุ๊บก็พาไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือเลย”

คุณนุ่น คุณพลอย เป็นพี่น้องที่สนิทกันไหม ?

“เรามีความเกรงใจ ความเคารพซึ่งกันและกัน เรื่องส่วนตัวบางเรื่องเราไม่ได้ยุ่ง หรือว่ามาวิพากษ์วิจารณ์”

8 นุ่น สินิทธา 3

เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตอนเด็ก ต่างคน ต่างแยกกันอยู่? 

“สภาวะครอบครัวเราคือหลานย่าคนนึง หลานยายคนนึง แต่ว่ามันอยู่ที่ความชอบของเด็กด้วย ผู้ปกครองก็ถามก่อนว่าชอบอยู่กับใคร เราชอบอยู่กับย่า ย่าอยู่สัตหีบ ค่ายทหาร บ้านอยู่ริมทะเลเลย เราชอบแบบนั้น ส่วนพลอยเขาอยู่กับยาย อยู่เสนานิเวศน์ พลอยก็เป็น กทม. เราก็เด็ก ตจว. รูทีนก็ไม่เหมือนกัน เราชอบขุดหอยเสียบ ไปทำนู่นทำนี่ ย่าไปทำสวน เราก็ตามไป เราชอบปลูกต้นไม้ เราชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติ ส่วนน้องนี่ชอบแต่งหน้า แต่งตัว เด็กในเมือง”

เวลาพี่กับน้องมีปัญหาชีวิตโทรปรึกษากันไหม หรือปรึกษาแต่ผู้ใหญ่ ?

“ช่วงที่เราทำงาน เราจะไม่ได้เจอน้องเลย เพราะว่าเราทำงานตั้งแต่ 15 ถ่ายละคร 6 วัน 2 เรื่อง แล้วอีกวันที่เหลือคือไปเดินแบบ ถ่ายแบบ เวลาของเราจะต่างกันเลย นุ่นจะไม่มีช่วงที่ได้เจอน้อง เหมือนพอเรากลับบ้านจะไปนอน น้องก็ตื่นไปโรงเรียน พอช่วงที่เราไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ออกไปเรียนคือไม่ทำงานเลย แล้วออกไปอยู่หอกับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงที่เราขาดหายไป”

เวลาที่มีคนบอกว่าพลอยดังกว่า ได้ยินแบบนี้ขึ้นไหม ?

“ดีใจมาก ดังกว่าก็ทำงานหนักกว่า คิดว่าดังแล้วเงินจะลอยมาเฉย ๆ เหรอ คุณต้องทนกับความเครียด ความคาดหวัง คำวิจารณ์ มันไม่ได้หมายความว่าชีวิตคุณจะมีความสุขและสงบสุขนะ”

แสดงว่านุ่นคิดว่าชีวิตนุ่นดีกว่า ?

“นุ่นพึงพอใจ อย่าพูดว่าดีกว่า มันไม่มีสูตรสำเร็จในการเปรียบเทียบคนนึงกับอีกคนนึง เพราะฉะนั้นเวลาที่เราบอกว่าดีกว่าไหมมันอยู่ที่ความพอใจของเรา”

แต่ก็มีคนเมาท์ว่าคู่พี่น้องคู่นี้ไลฟ์สไตล์ต่างกัน และที่สำคัญเขาไม่ถูกกัน ?

“ใช่ ไม่ถูกกัน ไม่ถูกกันมากเลยเรื่องแต่งหน้า คือนุ่นไม่ชอบแต่งหน้า แต่งหน้าไม่เป็น อยู่วงการมากี่ปีไม่อยากเรียนรู้เรื่องนี้ แล้วไม่ชอบด้วย แล้วน้องจะวิพากษ์วิจารณ์ตลอดเวลาว่าทำไม เป็นผู้หญิงต้องแต่งหน้า ออกไปก็ต้องแต่งหน้าแต่งตัวให้มันสวย ๆ แต่เราคิดว่ามีเวลาไปทำอย่างอื่นตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องแต่งหน้า”

อย่างพลอยเวลาเขาเจอข่าวหนัก ๆ เราโทรไปหาเขาไหม หรือเขาติดต่อมาหาเราไหม ?

“ไม่ เราดูอาการเขาก่อน คือแน่นอนแหละพี่น้องกัน ถ้าวันที่คุณเดินไปลงเหว แล้วเห็นว่าเขาเดินลงเหว เราก็ต้องดึงเขา ในชีวิตมันต้องเจอทั้งหลุม บ่อ เจอทุกอย่างที่มันจะต้องเจ็บปวด หรืออะไร มันคือรสชาติของชีวิต เราต้องปล่อยเพราะว่า มาตรฐานของชีวิตคน คุณไม่สามารถไปจัดการ แม้กระทั่งลูก คุณไม่สามารถบอกว่าอันนี้ฉันคิดถูก เธอผิดมันเป็นไปไม่ได้ ระบบชีวิตของแต่ละคนไม่สามารถเอามาตั้งเป็นมาตรฐานและวิจารณ์คนอีกคนนึงได้ เวลามันจะเป็นส่วนช่วยในการตอบโจทย์ เพราะว่าการคบกัน เราไม่ได้ไปอยู่ติดกับเขา เราจะไปเห็นทุกอิริยบท แล้วบางทีเราจะเลือกคบใครสักคนมันต้องเจ้าตัว ไม่ใช่คนข้างบ้านมาบอก เราตัดสินว่าเราเป็นคนข้างบ้านนะ เพราะเราไม่ได้อยู่ในบ้านที่จะไปมองเห็นทุกซอกทุกมุมของเขา เพราะฉะนั้นเราไม่มีสิทธิ์ไปบอกเขาว่า อันนี้ไม่ได้ อันนี้ไม่ดี มันตัดสินไม่ได้”

8 นุ่น สินิทธา 1

มีช่วงไหนที่คุณพลอยโทรมาปรึกษาไหม ?

“เราดูอาการเขามากกว่า มีบางสิ่งที่ถ้าเกิดว่าเขานั่งเฉย หรือว่ามีช่วงที่เขานิ่ง ๆ แล้วเรารู้สึกว่า คือนุ่นไม่รู้เวลาที่นุ่นเห็นใคร นุ่นจะอ่านใจเขาได้ แล้วนุ่นจะพูดในสิ่งที่เป็นบวก หรือทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คนเราเนี่ยถ้าอยู่กับการที่สังคมคาดหวัง เราก็พยายามไปอย่างนี้ จริง ๆ มันไม่ใช่สูตรสำเร็จ สังคมตั้งแบบนึง แต่ชีวิตของคนมันไม่ได้ตอบโจทย์ด้วยสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นคุณไม่สามารถเอาสังคมมาเป็นบรรทัดฐานได้ เพราะชีวิตใคร ชีวิตมัน ทุกคนมีหลุม มีบ่อ มีอุปสรรค มีรสชาติ มีความผิด ถูก ในเส้นทางเดินไป แต่คุณจะกลับมาได้ไหม คุณอย่าเอามาตรวัดของใครมาทำให้คุณบิดเบี้ยว เพราะคนคนนั้นไม่ได้ยืนอยู่จุดที่คุณยืน เพราะฉะนั้นเนี่ยการตัดสินใจมันมาจากคุณ แต่มันต้องมาจากสามัญสำนึกที่ดี”

ล่าสุดคุณพลอยเปิดตัวแฟน คุณนุ่นรู้มาก่อนไหม ?

“รู้พร้อมประชาชนนี่แหละ นุ่นคิดว่าถ้ามันเป็นความสุข ความสุขในที่นี้ของคุณคืออะไร”

จะบอกว่าผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ไม่สนใจ ?

“อยู่คนเดียวก็ได้ไง มันคืออะไร เราจะมาตัดสินแทนคนอื่น เอามาตรวัดของเรา ตราชั่งของเราไปใส่คนอื่นไม่ยุติธรรม”

ตอนนี้คุณพลอยแฮปปี้ไหมกับความรักของเขา ?

“นุ่นว่าเขาแฮปปี้นะ”

แล้วตอนนี้ตัวเองโสดไหม ?

“ก็มีแต่หมา”

ทำไมถึงปล่อยตัวเองโสด ?

“เสียเวลากับผู้ชายทำไม เสียเวลาในที่นี่คือ โจทย์ของนุ่นที่นุ่นจะใช้ชีวิตป่วยก็หลายที เฉียดตายก็หลายที ในโลกแห่งความเป็นจริงถ้าคุณตั้งโกล์อะไรบางอย่างไว้ ถ้าเรื่องความรัก ถ้าคุณไปเซทว่าชาตินี้ต้องหาผัวให้ได้ ก็แปลว่าชีวิตคุณจะไม่ประสบความสำเร็จถ้าคุณไม่มีผัว แต่ว่าถ้ามายโกล์ของเราคือ ชาตินี้เราต้องประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองแปลว่าคุณต้องยืนด้วยขาตัวเอง คุณไปยืมจมูกคนอื่นหายใจไม่ได้ หรือคุณคิดว่าผู้ชายคนนึงจะมาทำให้คุณมีความสุขเติมเต็มชีวิตไม่ได้ ไม่ยุติธรรม ไม่แฟร์ การที่จะต้องโยนว่าเป็นภาระหน้าที่อีกคนเพื่อจะเติมเต็มความสุขให้เรา เราต้องเติมเต็มความสุขด้วยตัวเราเอง”

8 นุ่น สินิทธา 4

ผิดไหมถ้าเราเติมเต็มแล้ว แต่อนาคตมีผู้ชาย หรือผู้หญิงก็ได้เข้ามาเสริมให้จะโอเคไหม ?

“มันต้องดูภาวะที่มาว่ามาซัพพอร์ตกัน หรือมาทำลายกัน ถ้าเกิดว่ามันมาทำลายกัน ทำลายในที่นี้คือ ทำลายตัวตนของเรา ทำลายความมั่นใจของเรา ทำลายในสิ่งที่เรากำลังสร้าง แปลว่าเขาไม่ได้มาซัพพอร์ตเขาคือมาทำลาย อันนี้คือการเสียเวลา คือเสียเวลาเขา และเสียเวลาเราด้วย”

แสดงว่าตอนนี้เรารักตัวเองมากที่สุด ?

“แน่นอน คือความรักในเมืองไทยมันดูเป็นโจทย์แรกที่คุณจะต้องทำ เพื่อให้ชีวิตคุณมีความสุขขึ้น ทุกคู่พยายามจะแต่งงาน เพื่อบอกว่าเราประสบความสำเร็จในชีวิต แต่มันไม่เคยจบ แต่งงานเสร็จตื่นมาเจอเมียไม่แต่งหน้า เมียอึในห้องน้ำ เจอทุกอย่างเละเทะ ผัวไม่ยกฝาชักโครก ด่ากันเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภาวะจุกจิกตลอดเวลา จบไหมล่ะ คือคุณดูละครเพราะละครมันไม่เล่าเรื่องจริงในชีวิต แต่เรื่องจริงในชีวิตมันมีมากกว่านั้น มันมีดีเทลที่แต่ละคู่ แต่ละบ้านจะเจอแตกต่างกันไป ภาวะที่มันต้องปรับตัว ต้องจูนเข้าหากันมันมีมาก เพราะด้วยการเลี้ยงดูแต่ละบ้าน คนสองคนมาเจอกันต้องไปกันได้”

แสดงว่าคุณนุ่นมีความสุขกับตัวเองมาก ๆ ?

“ไม่ใช่ เรารักตัวเองมากขึ้นที่เราจะไม่เสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ เพื่อที่มาจุกจิกในโกล์ที่เราตั้งไว้ คือโกล์เราเปลี่ยนไป แต่ก่อนเราคิดว่าสุขนิยม คือการที่สังคมตั้งบรรทัดฐานว่า คุณอายุ 30 คุณต้องแต่งงาน คุณต้องมีลูก ถึงเรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อคุณผ่านมาถึง 40 แล้วเนี่ย โกล์มันเปลี่ยน ตอนนี้ชีวิตคุณคืออะไร คุณจะเข้า 50 แปลว่าครึ่งนึงของชีวิตแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำ ความคิดมันโตขึ้น เพราะฉะนั้นเวย์ที่เราเห็นมันจะต่างไปละมันไม่ใช่เวย์ที่เราจะมามุ่งหาความรักเพื่อจะเติมเต็ม แต่มุ่งหาสิ่งที่เขาเรียกว่าความสงบสุขในจิตใจ”

ความรักสมัยก่อนของเรา พอมองกลับไปมันเป็นเรื่องเสียเวลา ?

“เสียเวลาจริง ๆ ถ้าเกิดตอนนั้นเรามุ่งมั่นในสิ่งที่เราอยากจะทำให้คนอื่น เราจะได้เวลาในการทำงานกลับมาเยอแยะมากมาย แต่เราไปเสียเวลากับเรื่องนี้ทำให้โฟกัสของเรามันบิดเบี้ยว แทร็คของเรามันไม่ตรง แต่ตอนนี้ตรงแล้ว จูนใหม่แล้ว”

แทร็คใหม่นี้สามารถรับคนใหม่เข้ามาในชีวิตได้ไหม หรือจะโสดไปตลอดชีวิต ?

“เราไม่ได้บอกว่าอยากจะโสด อยากจะมุ้งมิ้ง อยากจะอะไร อยากจะมีในอุดมคติเหมือนคนอื่นเขา เห็นคนเขาเดินมาควงแขนกัน ชี้โบ้ ชี้เบ๊ ตีกันบ้าง แต่มันก็เป็นความสุขของเขา แต่ว่าทุกวันนี้ก็กินข้าวคนเดียว ทุกวันนี้ก็ทำอะไรคนเดียว แต่พอมันทำแล้วมันเงียบดี ไม่หนวกหู”

ติดตามรับชมรายการคุยแซ่บShow เทปสัมภาษณ์ นุ่น สินิทธา แบบย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo