Entertainment

‘แต๊งค์’ ยืนยัน ‘แตงโม’ เป็นคนขี้กลัว ‘หมอพรทิพย์’ เชื่อไม่ตกท้ายเรือแน่

‘แต๊งค์’ ยืนยัน หากใครที่สนิทกับ ‘แตงโม’ จะรู้ว่าดาราสาวเป็นคนขี้กลัว ส่วนทางด้าน ‘หมอพรทิพย์’ เชื่อไม่ตกท้ายเรือแน่

ยังยืนยันเหมือนเดิมทุกครั้งที่ผ่านมา สำหรับกรณีที่ดาราสาว แตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ ได้เกิดอุบัติเหตุพลัดตกเรือจมน้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ทางด้านของ แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ยังเชื่อว่าดาราสาวไม่ได้ตกท้ายเรือแน่นอน

ปกแต๊งค์3 3

‘แต๊งค์’ ยืนยัน ‘แตงโม’ เป็นคนขี้กลัว ‘หมอพรทิพย์’ เชื่อไม่ตกท้ายเรือแน่

ล่าสุด (11 พ.ค.) หมอพรทิพย์ และ แต๊งค์ พงศกร ได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ ถกไม่เถียง ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ซึ่งทางด้านของ คุณหมอพรทิพย์ก็ได้เผยว่า ตนเอง เป็นผู้สังเกตการณ์ ดูว่ามีอะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์ได้บ้าง ปรากฏว่าสิ่งที่ได้เห็น คือ บาดแผล แผลกลุ่มแรกแผลต้นขาเปลี่ยนแปลง เพราะเขาเย็บไปแล้วเราดูอะไรไม่ได้

กลุ่มที่สอง คือ แผลที่สะเปะสะปะ เราไม่รู้ว่าอันไหนแผลเก่าแผลใหม่ แต่กลุ่มที่สามที่เห็นชัดเลย คือ แผลถลอกตื้นเป็นแนวที่ต้นขาด้านใน ข้างหลัง เฉียงลงไปถึงน่อง ข้างละ 10 แผล ขนานกันคล้ายก้างปลาเป็นบาดแผลไม่ลึกแค่ผิว ๆ อันนี้มีลักษณะเฉพาะที่สามารถบอกได้ว่ากระทบอะไร คิดอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือ ฐานเรือว่า แต่ต้องพิสูจน์มีรอยของการกระทบไหม อีกอย่างคือ ใบพัดเนื่องจากแผลเป็นแนวขนาดกันมันบ่งบอกได้ว่าร่างเคลื่อนที่ผ่านใบพัดค่อนข้างนิ่ง

ทีนี้ร่างอยู่ในน้ำมันนิ่งไม่ได้ แสดงว่ากระแสน้ำทำให้เขานิ่ง และกระแสน้ำตรงไหนที่ทำให้ร่างเขานิ่งมันต้องไม่ใช่ท้ายเรือ (ในใจคุณหมอฟันธง ไม่ได้ตกท้ายเรือ?) ใช่ค่ะ เพราะถ้าตกท้ายเรือมันจะตวัดมาโดนใบพัดเกิดแผลนิ่งแบบนี้เป็นไปไม่ได้ มันจะโดนใบพัดเต็ม ๆ มันจะต้องเป็นแผลลึก แต่อันนี้มีคำอธิบายว่ามีฟินเรือบังอยู่บาดแผลมันเลยไม่ลึก ส่วนบาดแผลใหญ่ที่สุดตรงต้นขา ไม่ขอพูดถึง เพราะเห็นรูปตอนแรกขอบแผลมันเรียบกริบ แต่พอมาเห็นหน้างานเขาเย็บปิดจนไม่สามารถบอกอะไรได้ ส่วนตัวให้ความเห็นว่าโอกาสโดนใบพัดเรือไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์

“เราไม่เชื่อคำให้การ แต่ไม่ได้เชื่อแบบอคติ เราไม่เชื่อว่าเขาไปนั่งฉี่ แต่ต้องเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์” หมอพรทิพย์กล่าว

รายงานของการชันสูตรครั้งแรก ไม่ได้ดู เพราะมันอยู่ในสำนวน แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายเราว่ามีแผลแบบไหน จำลองไปแล้วแบบไหนบ้าง และไม่เคยเห็นภาพที่เขานำใบพัดมาจำลองกับศพ โดยใช้มือหมุนแทนมอเตอร์ ตามหลักการสามารถจำลองแบบนี้ได้ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าแผลเกิดจากอะไร แต่เวลาสรุปต้องระวัง เพราะมีตัวแปรเยอะ เช่น ใบพัดอันเดียวกันไหม ความคมของใบพัด หมุนด้วยความเร็วเท่าไหร่ สามารถเกิดจากอย่างอื่นได้ไหม จะสรุปเลยทันทีนั้นยาก

และที่สำคัญ ในการจำลองจะต้องระวัง เพราะใบพัดและศพเป็นวัถตุพยาน ใบพัดไม่ควรเอาอันจริงมาเพราะมันอาจต้องตรวจพิสูจน์อีก ส่วนศพเองต้องระวังไม่ให้เกิดแผล เพราะอาจต้องตรวจพิสูจน์อีกเช่นกัน ถ้าไม่ใช้ใบพัดจริงต้องใช้ใบพัดเทียบที่คล้ายกัน แต่จากการจำลองดังกล่าว หากใช้ใบพัดจริงอันนั้นไม่ถูกต้อง อยากบอกประชาชนว่าอย่าตกใจกับข่าวมาก เพราะศพฉีดฟอร์มาลีนมันแข็งมาก มีดใหม่ ๆ กรีดยังไม่เข้าเลย ใบพัดเรือมันคงไม่คมขนาดนั้น แต่ใช่ว่าไม่เกิด ก็มีโอกาสเกิดแผลใหม่ได้แต่เป็นไปได้ยาก ส่วนเรื่องการรายงานจำนวนแผลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คิดว่าเกิดจากการรายงานไม่ครบถ้วนมากกว่า

สำหรับเรื่องยาอัลปราโซแลม ไม่ใช่สารเสพติด แต่ขึ้นชื่อสำหรับการมอมคน ไม่ได้ใช้แค่คลายเครียดอย่างเดียว ส่วนเรื่องสารเสพติด ถ้าจะตรวจให้ได้ผลจะต้องตรวจจากคนเป็นๆ ด้วยเลือด และปัสสาวะ แต่ที่เป็นประเด็น คือ สารต่างๆ ใช่ว่าตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด แล้วผลมันจะออกมาเลย สารบางตัวเราก็ต้องระบุว่าจะตรวจสารไหน จริงๆ แล้วเส้นผมเป็นวิธีที่ควรตรวจที่สุด แต่เขาไมได้ตรวจเพราะบอกว่าหวงผม แต่ไปบวช ซึ่งเส้นผมที่ศีรษะเนี่ยจะแม่นเรื่องระยะเวลาการรับสารเสพติด เพราะเส้นผมจะยาว 1 ซม.ต่อ 1 เดือน

หมอพรทิพย์ 1

ด้าน พงศกร มหาเปารยะ หรือ แต๊งค์ เพื่อนสนิทแตงโม กล่าวว่า มองว่าหลังจากดูตำรวจแถลงปิดสำนวนคดีก็ยังไม่คลี่คลาย หรือตอบข้อสงสัยได้เลย เช่น จุดตกอยู่ตรงไหน แผลเกิดจากอะไร ซึ่งภาพที่ตำรวจนำมาใช้ก็ยังเป็นข้อกังขากันอยู่ และยิ่งมีเรื่องของการชันสูตรจากภาพที่คุณอัจฉริยะนำมาเผยแพร่ ก็ยิ่งกลับไปสงสัยในจุดเดิม พอมานั่งคิดดูแล้วศพมันบอกอะไรได้หลายอย่าง มันมีข้อพิรุธข้อบกพร่องของตำรวจหลายอย่างที่ไม่ทำงานร่วมกันหลาย ๆ หน่วยงาน ความจริงมันควรเป็นสิ่งที่เปิดเผยได้

เรื่องสารเสพติดก็ยังคงมีข้อสงสัยว่าตั้งแต่วันเกิดเหตุทำไมตำรวจไม่ใช้อำนาจอายัดตัวไว้สอบสวน มีเจ้าหน้าที่สายตรวจลงพื้นที่ไปแล้วด้วย แต่อันนี้พอเกิดเหตุมีการแยกย้ายกันกลับบ้าน แถมของกลางก็นำไปเก็บไว้ที่อื่น มันควรจะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขในการสืบสวนสอบสวน ส่วนที่โพสต์กรณียาอัลปราโซแลม เพราะมันเคยมีประเด็นที่คนบนเรือใช้ยามอมผู้หญิง และยาตัวนี้มันก็เป็นยาควบคุม แต่เขามีไว้ในครอบครองมันเสี่ยงที่จะนำไปใช้กับคนอื่น

ซึ่งยาตัวนี้มันเป็นที่นิยมในการใช้มอมคน ยิ่งถ้าหาข้อมูลจะพบว่า ใช้คู่กับแอลกอฮอล์จะออกฤทธิ์ได้ดี ดังนั้นควรจะพิจารณาว่าเขาครอบครองยาตัวนี้ไว้ทำอะไรบ้าง ตอนนี้ขอออกตัวเลยว่าคดีนี้ต้องมีคนผิดมาลงโทษ ต้องมีคนออกมารับผิดชอบ เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นหลักฐานเล็กๆ น้อยๆ ใช้ในการมัดตัวคนผิด เลยออกมาช่วยพูด การที่คนบนเรือขอปฏิเสธการตรวจสารเสพติดว่ามันแปลกที่ตำรวจไม่สงสัย ขนาดผมยังสงสัย และสังคมก็สงสัย เชื่อว่า 90 เปอร์เซ็นต์สังคมคิดไปในทางเดียวกันหมด แต่เขาคงมีเหตุผลของเขาที่จะปฏิเสธการตรวจ

แต๊งค์2

ทุกวันนี้ยังไม่เชื่อว่าแตงโมตกท้ายเรือ ตัวผมเองไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ แต่ผมฟังจากคำให้การว่าแตงโมไปฉี่ท้ายเรือแล้วประมาทตกไปเอง เราไม่เชื่อตั้งแต่ตรงนี้แล้ว หลายคนตั้งประเด็นว่าเป็นผู้หญิง เป็นดารา ต้องอายสิต้องไม่กล้าไปฉี่ท้าย แต่ถ้าคนที่รู้จักแตงโมจริง ๆ แตงโมเป็นคนขี้กลัว เขาเป็นคนกลัวอันตราย อะไรที่มันผาดโผนเขาไม่เอาเลย การที่เขาจะไปฉี่ท้ายเรือขณะที่เรือวิ่ง 8 น็อต เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำ

ขณะที่ ศักดิ์สิทธิ์ ผึ่งประเสริฐ ผู้มีประสบการณ์ด้านการขับเรือสปีดโบ๊ต ได้ให้ความเห็นเรื่องของเรือ ตอนมาออกรายการล่าสุด ได้ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ว่าตกท้ายเรือ เพราะลักษณะเรือสปีดโบ๊ตท้องเรือเป็นวีเชป ขณะแล่นมันจะผลักน้ำออก

ดังนั้นถ้าจะตกเรือแล้วเข้าใบพัดได้จะต้องเป็นช่วง 12 นาฬิกาคือด้านหัวเรือ และเรือแล่นอยู่ตกตรงอื่นยังไงก็จะจากกัน ขณะที่เรือแล่นด้วยความเร็ว 8 นอต มันจะยังไม่เพนน้ำ จะยังจมอยู่ ใบพัดจะจมน้ำลึกมาก ซึ่งถ้าตกก็ต้องอยู่บนผิวน้ำสักพักหนึ่ง ในทฤษฎีถ้าหากเรือแล่นวนกลับมาแล้วมาชนด้านหัวเรือก็มีความเป็นไปได้ แต่คิดว่าโอกาสเกิด 1 ใน 100 ถามว่าเรือมันจะดูดไม่ เพราะเรือไม่ใช่ท้องแบน มันเป็นวีเชป ตกไปอารมณ์เหมือนของมันเลาะกับแพง ถ้าจะไปถึงใบพัดต้องด้าน 12 นาฬิกาเท่านั้น

ส่วนใบพัดของเรือนั้นจะเป็นสแตนเลส มีความคมมาก ยิ่งคมยิ่งบาดน้ำได้ดี มีผลต่อความเร็ว มีขนาดใหญ่ และแข็งแรงมาก ยืนยันว่าคม บาดเชือกขาดได้ถ้าเข้าตรงสันที่ตัดน้ำตรง ๆ

ซึ่งระหว่างรายการทางทีมงาน “ถกไม่เถียง” ได้ตรวจสอบข้อมูลว่าใบพัดเรือที่ใช้ในการจำลองกับศพเป็นของจริงหรือไม่ ทางทีมงานรายงานว่าเป็นใบพัดของจริง โดยคุณหมอพรทิพย์ ได้กล่าวว่า กฎหมายไทยไม่มีบังคับในเรื่องนี้ เอาผิดไม่ได้ แต่ในทางยุติธรรมต้องพร้อมที่จะให้คนอื่นตรวจสอบใหม่ ไม่ใช่ตรวจเสร็จแล้วจบ และถ้าจะให้คนอื่นตรวจต่อก็ต้องไม่ทำให้มันเปลี่ยนแปลง อันนี้เป็นแนวทางที่ควรระมัดระวัง ไม่ใช่กฎหมาย

ขอบคุณคลิปสัมภาษณ์จาก : รายการถกไม่เถียง

แต๊งค์

แตงโม 1

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo