Entertainment

‘สุกัญญา มิเกล’ เผยเหตุขึ้นร้องศาล 3 ครั้ง! แจงปมตัดสัมพันธ์ลูกสาว

เป็นอีกคนในวงการบันเทิงที่ประกาศตนชัดเจนว่าเป็น LGBTQ+ สำหรับ สุกัญญา มิเกล ที่ล่าสุด ได้ออกมาเปิดใจแบบหมดเปลือก ในรายการ Z Story Z Holiday ทางช่องอมรินทร์ ทีวี ถึงเรื่องการฟ้องหย่ากับสามีคนเก่า พร้อมเผยชีวิตความสัมพันธ์กับลูกสาว

12 สุกัญญา มิเกล6

ชีวิตคู่เป็นอย่างไรบ้าง ?

“คนข้างนอกอาจจะมองว่าหวานมาก ส่วนตัวเราทั้งคู่มองว่าปกติ ก่อนหน้านั้นที่เคยมีครอบครัว จนถึงตอนนี้หย่ามา 5 ปี เข้าปีที่ 6 แล้วค่ะ”

ชีวิตต้องขึ้นร้องศาล 3 ครั้ง เกิดอะไรขึ้น ?

“ครั้งแรกเป็นการขึ้นศาลเพื่อฟ้องหย่า เพราะว่าตกลงกันไม่ได้ เราขอหย่า ขอแยก แล้วเขาไม่ยอมแยก หลังจากนั้นก็เลยมีการขึ้นโรงขึ้นศาล ต้องอาศัยตัวกลางด้วย ทีนี้ก็ตัดสินมาว่าแยกลูกกันไป เพราะเรามีลูก 2 คน คนโตก็อยู่กับเขาไป อยู่ในการดูแลของบิดา ส่วนคนเล็กก็อยู่ในการดูแลของเรา แต่สิทธิ์ในการปกครองยังคงเป็นการปกครองร่วมอยู่”

“ดังนั้นครั้งที่ 2 มันก็เลยเกิดขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง เนื่องจากว่าลูกสาวได้มาเที่ยวที่บ้าน แล้วเขาก็เอ่ยมาว่า อยากจะมาอยู่กับเรา ทีนี้พอไปขึ้นศาล กลายเป็นว่าลูกสาวเปลี่ยนใจว่าอยากจะอยู่กับบิดา สิทธิ์ในการยื่นเพื่อจะดูแลบุตรกลายเป็นว่าไม่มีแล้ว ก็กลับมาคงเดิม ความหมายคือ ทุกอย่างต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล ตั้งแต่แรกมันไม่เป็นไปตามคำสั่งศาล”

“พอครั้งที่ 3 ก็คือ เราได้เห็นพฤติกรรมแล้วว่า ต่างคนมันแยกกันมานาน แล้วความสัมพันธ์มันห่างกันมาก หรือใช้คำว่า ต่างคนต่างอยู่ ทีนี้ก็ไม่มีการติดต่อหรือสานสัมพันธ์กัน แล้วเราเองเราจะต้องทำเอกสารให้ลูกชาย เราก็ขอให้เขาพิจารณาช่วยเซ็นเอกสารให้ เพราะว่ายังมีสิทธิ์ในการปกครองร่วม ปรากฏว่าไม่ได้รับการสนับสนุน ก็เลยเกิดครั้งที่ 3 เพื่อที่จะขอสิทธิ์ปกครอง เพราะว่าเราจะทำเอกสารให้ลูกคนเดียว แล้วนั่นหมายความว่า ในเมื่อมันต่างคนต่างอยู่กันไปอยู่แล้ว เราก็เลยตัดสิทธิ์เราจากลูกสาวด้วย”

12 สุกัญญา มิเกล3

ขอชี้แจง ปมตัดสัมพันธ์ แม่-ลูก ?

“สิ่งที่เห็นผ่านสื่อ ก็ตามตามนั้น แต่ประเด็นคือ สื่อเอาไปเล่นกันโดยที่บางคนไปตีเป็นอีกมุมนึง โดยที่ไม่ได้รู้รายละเอียด ทำให้แม่ดูเลวไปเลย นำเสนอว่าแม่ไม่ดูแลลูก กลายเป็นว่าเราทิ้งขว้างลูก ซึ่งคุณก็ไม่รู้ว่า เราต้องอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ระหว่างเรากับครอบครัวเก่าของเรา”

“จริง ๆ แล้วอยากจะบอกว่า ประเด็นเรื่องของการตัดสัมพันธ์ก็คือเป็นแบบนั้นจริง แต่ว่าลูกสาวก็มายืนยันกับเราว่า เขาโตแล้ว เขาตัดสินใจเองได้หมดแล้ว เราก็เลยจบหน้าที่นี้ได้ เราก็เลยโพสต์ขึ้นเพื่อที่จะให้คนที่อยู่รอบข้างเรา ที่เป็นเพื่อนของเรา รับทราบร่วมกัน แต่มิได้หมายความว่า เราจะโจมตีลูก หรือทำร้ายลูก สรุปแล้วคือ มีการตกลงกับลูกสาวแล้ว”

ความสัมพันธ์กับลูกสาวตอนนี้ ?

“เราพร้อมจะเป็นเพื่อนกับเขาได้เสมอ พร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ แต่ว่าเราคงจะไม่ขวนขวายหรือว่าโหยหาในฐานะแม่ที่ต้องการจากลูกแล้ว เราให้เกียรติเขาในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการด้วย ก็อยากให้มันจบลงด้วยดีและด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน”

12 สุกัญญา มิเกล5

เรื่องราวความรัก ยอมรับตัวตน เป็นกลุ่มคน LGBTQ+ ?

“ตอนนี้แต่งงานกันมา 2 ปีกว่าแล้ว หลังจากแต่งงานครั้งแรก เรามานั่งตรวจสอบตัวเองก่อน 1 ปี ว่าเราเป็นแบบไหนกันแน่ เราอยากจะมีเพื่อนชีวิตสักคน แต่เราจะมีเพื่อนชีวิตแบบไหนที่ไม่ขัดกับสิ่งที่เราเป็นจริง ๆ ดังนั้นขั้นตอนแรกคือ เราต้องค้นหาตัวเองก่อน ภายใน 1 ปี เราก็ได้ค้นพบว่า เราไม่ใช่หญิงแท้ เรายอมรับกับตัวเองเลย เราก็ประกาศให้เพื่อนรับรู้ ว่าจากนี้ไปฉันจะเป็นแบบนี้แล้วนะ เป้าหมายคือ อยากให้คนที่อยู่รอบข้างเรา เข้าใจสิ่งที่เราเป็นจริง ๆ ด้วย มันจะได้ไม่ต้องเกิดความสับสน”

“ที่สำคัญคือลูกจะได้ไม่ต้องสับสน เราคุยกับลูกเลย บอกเขาว่า หม่ามี๊ขอคุยด้วยหน่อย หม่ามี๊เคยแต่งงานแล้วหม่ามี๊เป็นแม่นะ แต่ตอนนี้หม่ามี๊ไม่เหมือนเดิมนะ ตอนที่หม่ามี๊ตัวเท่าหนู หม่ามี๊เคยเป็นทอมบอยมาก่อนนะ แต่หม่ามี๊ก็มาโดนเบี่ยงให้เป็นผู้หญิง แล้วก็ไปแต่งงาน และมามีลูกนะ แต่ตอนนี้หม่ามี๊ตัดสินใจว่า หม่ามี๊จะกลับไปเป็นคนเดิมที่เติบโตมา เราอธิบายให้เขาฟังอย่างละเอียด แต่แม่คือแม่ ต่อให้หม่ามี๊มีบุคลิกเหมือนผู้ชาย แต่หม่ามี๊คือ คุณแม่ของหนู และรักหนูเสมอ”

12 สุกัญญา มิเกล4

ชีวิตหลังแต่งงานเป็นคู่รัก LGBTQ+ ?

“ชีวิตมีความสุขมากค่ะ เคยลั่นวาจาว่าจะอยู่ด้วยกันจนวันตาย เพราะการแต่งงานคือ พันธสัญญา ว่าคุณกับเรา จะคู่กันไปตลอด แล้วที่สำคัญคือ คุณจอมเขาเข้ากับลูกชายของเราได้ดีมาก ๆ ตอนนี้ลูกชายสนิทกับจอมมากกว่าเราไปแล้ว ด้วยความที่จอมเขาเป็นคนนุ่มนวล เขารับผิดชอบทุกอย่างในชีวิตของเรา เสื้อผ้า อาหาร การตื่น การนอน การเรียน เขาละเอียดมาก ส่วนเราจะรับผิดชอบในส่วนของบ้าน แล้วก็ไปคุยกับลูกในเรื่องของอารมณ์ การอบรมนิสัยต่าง ๆ คือถ้าจะเอาความสนุกสนาน เฮฮาก็มาทางเรา แต่ถ้าอยากจริงจัง บ่น ๆ หน่อยก็จะไปทางคุณจอม”

“ตอนนี้ลูกชายเรียกเราว่า หม่ามี๊ แล้วเรียกคุณจอมว่า หม่ามั๊วะ แต่ตอนนี้พยายามอยากจะพูดถึงเรื่องว่า เพศที่สามอยู่ด้วยกันแล้วจะสร้างปัญหาให้เด็ก ซึ่งบอกว่าเลยไม่เป็นความจริงค่ะ มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคล ต่อให้เราอยู่กับผู้ชาย แต่เราเลี้ยงลูกไม่ดี เขาก็มีปัญหา เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับเพศค่ะ และสิ่งสำคัญคือ เรามีลูก เรารักลูกเรา และคนที่เรารักคือ จอม และเขาก็รักลูกของเราด้วย เรื่องนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าเราเจอคนที่ไม่รักลูกเรา เราไม่เอาเข้ามาในชีวิตแน่นอน คุณค่าและการกระทำ ไม่ได้ตัดสินด้วยเพศ ค่ะ”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo