Entertainment

‘น้ำตาล’ ลำบากตั้งแต่เด็ก ต้องขอข้าววัดกิน รับพ่อแท้ ๆ ติดต่ออยากเจอ แต่ไม่พร้อมคุย

เปิดใจที่แรก น้ำตาล ชลิตา กับชีวิตที่ไม่เคยเจอหน้าพ่อแท้ ๆ กว่าจะมีทุกวันนี้ไมง่าย ลำบากตั้งแต่เด็ก แม่ต้องพาไปขอข้าววัดกิน พร้อมเล่าประสบการณ์เฉียดตายนับครั้งไม่ถ้วน!

ฉากหน้านางงามที่สวยเพอร์เฟคของ น้ำตาล ชลิตา แต่น้อยคนที่จะรู้ว่ากว่าจะมีวันนี้ชีวิตผ่านความลำบากมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่เคยเจอหน้าพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ต้องขอข้าววัดกิน ต้องทำงานทุกอย่างเพื่อช่วยแบ่งเบาแม่ พร้อมเล่าถึงประสบการณ์เฉียดตายหลายครั้ง อีกทั้งยังเผยถึงเรื่องนางฟาดเกรียนคีย์บอร์ด กับแฮชแท็ก #ทุกคำด่ามีราคาเสมอ

น้ำตาล ชลิตา

น้ำตาล ชลิตา ลำบากตั้งแต่เด็ก ต้องขอข้าววัดกิน รับพ่อแท้ ๆ ติดต่ออยากเจอ แต่ไม่พร้อมคุย

โดย น้ำตาล ชลิตา เปิดใจทุกเรื่องทุกประเด็นในรายการ คุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ผมสั้นแล้วแซ่บขึ้น ?

น้ำตาล : คนก็ทักเยอะว่าเปลี่ยนลุค แต่ส่วนใหญ่คนจะเสียดาย เพราะเราผมยาว เราชอบเหมือนรู้สึกว่ามีเวลาในการนอนมากขึ้น สระผมเป่าแล้วแห้งง่าย

มีโรคจิตมาขอซื้อกางเกงใน ?

น้ำตาล : เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง เราไลฟ์ในไอจีก็คุยตอนนั้นกำลังจะเล่าเรื่องผี กำลังอ่านเมนต์เขาพิมพ์มายาวมาก มีเรทด้วยขอซื้อกางเกงในคุณ ถ้าใส่แล้วราคาเท่านี้ ถ้ายังไม่ใส่ราคาเท่านี้ เราก็แบบอะไรเนี่ย ตอนนั้นก็ด่ากลับว่าโรคจิตปะเนี่ย ทำไมถึงอยากจะมาซื้อของของคนอื่นเขา ต้องไปบำบัดจิตนิดนึงแล้วแหละ เราบล็อคเลย ซื้อกางเกงในเจอบ่อยมาก

ไม่เคยเจอพ่อแท้ ๆ เลย ?

น้ำตาล : ไม่เคยเลยตั้งแต่เกิด เขาอาจจะเลี้ยงหนูตอนเด็ก ๆ มาก ๆ เราโตขึ้นมาเราก็ไม่รู้แล้วว่าเรามีพ่อ อยู่กับแม่มาตลอดจนไม่รู้สึกขาดอะไร คุณพ่อก็มีติดต่อมาบ้างผ่านพี่นุ่ม (ผู้จัดการ) แต่หนูก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรหรือเรียกยังไง เพราะเราไม่มีความรู้สึกว่าเราขาดตรงนั้น เลยไม่รู้ว่าจะคุยอะไร ณ ตอนนี้ค่ะ เขาบอกผ่านทางพี่นุ่มว่าอยากคุยอยากเจอหน้า แต่เรารู้สึกว่าถ้าอยากเจอมันก็น่าจะตั้งแต่เด็กแล้วที่เรายังเรียนอยู่ หรือที่เราลำบากอยู่ เขาน่าจะเอื้อมมือมาช่วยเราตรงนั้นแล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราผ่านความลำบากกับแม่มาในทุก ๆ ช่วงในชีวิตมาเยอะมาก มันทำให้เรารู้สึกไม่ได้ขาดความอบอุ่นทางด้านครอบครัว

น้อยใจหรือโกรธ ?

น้ำตาล : ไม่น้อยใจเลยค่ะเพราะว่าแม่เติมเต็มตรงส่วนที่เราขาดให้ได้ดีมาก ๆ แล้ว ไม่ได้รู้สึกโกรธไม่ได้รู้สึกเกลียด ไม่รู้สึกอะไรเลยตอนนี้

พ่อพยายามติดต่อมาหลายครั้ง หลังจากนี้จะมีโอกาสได้เจอกันไหม ?

น้ำตาล : หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน บอกไม่ถูก ถามว่าอยากเจอไหม หนูรู้สึกว่าไม่ได้อยากจะเจออะไรตรงนั้นแล้ว ไม่รู้จะทำตัวยังไง ทุกวันนี้พ่อที่อยู่กับหนูเขาก็ดูแลครอบครัวช่วยดูน้องดูแม่ก็โอเคแล้ว

ก่อนหน้านี้เคยคุยกับแม่ไหมว่าอยากเจอคุณพ่อ ?

น้ำตาล : ไม่เคยได้ถามเลยค่ะ เพราะว่าตลอดระยะเวลาชีวิตที่ผ่านมาเราต้องอยู่กับแม่ทำงานอยู่ตลอดเวลา เราไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องตรงนั้น

บอกแม่ไหมว่าพ่อติดต่อมา ?

น้ำตาล : บอกค่ะ แม่แล้วแต่หนูเลยว่าอยากคุยหรือเปล่าหรืออะไรยังไง

น้ำตาล ชลิตา

ถ้าพ่อดูอยู่เขาจะเสียใจไหม ?

น้ำตาล : หนูก็ไม่รู้จะพูดยังไง อาจจะมีนิดนึง ก็ขอบคุณที่ทำให้หนูเกิดมา แล้วมายืนอยู่ตรงนี้ได้เหมือนกัน

โดนเพื่อนล้อไหมตอนเด็ก ?

น้ำตาล : ไม่มีนะคะ เหมือนเราไม่ได้เปิดเผยครอบครัว โชคดีที่เพื่อนรอบ ๆ กายเราไม่ได้มีความรู้สึกต้องมานั่งล้อว่าไม่มีพ่อ ขาดความอบอุ่น ไม่มีค่ะ

มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับคุณพ่อบ้าง แบบทำงานอะไรหรืออยู่ที่ไหน คุณแม่เล่าให้ฟังบ้างไหม ?

น้ำตาล : ไม่เคยเลยค่ะ ส่วนใหญ่คุณแม่ทำงาน แม่ไปออกรอบเป็นแคดดี้ทั้งวันแล้ว หนูก็ไปเป็นแม่บ้านแทนแม่ทั้งวันแล้ว กลับมานั่งกินข้าวกันแล้วก็นอน

ลำบากตั้งแต่เด็ก ?

น้ำตาล : แม่เคยเล่าให้ฟังตอนเด็ก ๆ ที่ออกมาจากพ่อ แม่เอาหนูมาคนเดียวไม่มีเงินสักบาท ต้องไปขอข้าววัดกิน ไปให้ป้าช่วย ให้เพื่อน ๆ แม่ช่วย ชีวิตแม่กับหนูจะมีอุปสรรคในทุก ๆ ช่วงตลอดที่โตมาเลย แม่เจอเพื่อนโกง พอผ่านไปเรื่อย ๆ เหมือนลำบากขึ้น เราเจอหลาย ๆ อย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ต้องไปอยู่ห้องแถวสังกะสีช่วงประถม มัธยม ตอนนั้นมันเหนื่อยจนน้อยใจโชคชะตามาก

เหนื่อยยังไงบ้าง ?

น้ำตาล : แม่ไปทำงาน ถ้าวันไหนว่างจากแคดดี้ แม่จะไปขับแท็กซี่หรือไปเป็นกระเป๋ารถเมล์ หนูเองจะไปเป็นแม่บ้านแทนแม่ ไปทำงานที่โบสถ์ที่ทองหล่อ ทำมาเรื่อย ๆ ตอนนั้นรู้สึกเหนื่อย เราเป็นเด็กเรากลัวการเดินทาง เราไม่รู้เส้นทางเราจะกลัว เหนื่อยก็เหนื่อยไหนจะมากลัวว่าเลยป้ายไหมต้องลงตรงไหน ค่อนข้างเครียด ตอนนั้นทำอยู่นาน เพิ่งมาทำสนามบินตอนช่วงม.3

รายได้พอค่าใช้จ่ายตอนนั้นไหม ?

น้ำตาล : พอหาเช้ากินค่ำ พอในตรงนั้นแต่เราไม่ได้มีเงินเก็บ หนูไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวหรือไปเล่นกับเพื่อนเลย เราพยายามตั้งใจเรียนอยู่ห้องคิงมาตลอด วิทย์-คณิต เราเป็นคนใฝ่มากกว่า พยายามขยันให้เท่ากับคนเก่งมากกว่า

อิจฉาเพื่อนรอบข้างไหมเขาได้ใช้ชีวิต ได้ไปเที่ยว ?

น้ำตาล : ก็แอบน้อยใจบ้างในบางช่วง แต่ตอนนั้นเราก็รู้สึกสนุกกับการทำงาน ได้สอนชีวิตเราตั้งแต่เด็กเหมือนกันในการมีระเบียบ รู้จักคิด บางคนอาจจะไม่เคยทำในสิ่งที่เราทำตอนอายุนั้นก็ได้ พอโตขึ้นมาเราพยายามหางานที่มันต่อกับความรู้ของเราได้ เช่น ทำงานในสนามบินก็ช่วยในเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ

น้ำตาล ชลิตา

เหนื่อยลำบากตั้งแต่เด็ก เคยบอกแม่ไหมว่าให้กลับไปหาพ่อ เผื่อชีวิตจะดีขึ้น ?

น้ำตาล : ไม่เคยได้คิดตรงนั้นเลย เพราะว่าเหมือนแม่เขาเติมเต็มให้เราแล้วไม่ได้รู้สึกขาดอะไรเลย

มีช่วงท้อ แอบร้องไห้คนเดียวบ้างไหม ?

น้ำตาล : มีค่ะ ช่วงที่นั่งรถไปทำงานนั่นแหละ มันเหนื่อยมากนะคะทำงานมาทั้งวัน ส่วนคุณแม่เขาไม่ค่อยแสดงให้เราเห็น เขาบอกว่าเขาเหนื่อย แต่เขาพยายามสู้เพื่อหนู หนูเลยรู้สึกว่าแม่ยังสู้เพื่อเราเลย ทำไมเราจะสู้เพื่อแม่ไม่ได้

ตอนเด็กทำไมย้ายโรงเรียนบ่อย ?

น้ำตาล : แม่หนูทำงานหลายที่มาก ถ้าแม่ไปทำงานต่างจังหวัดหนูก็ต้องย้ายไปต่างจังหวัดเรียนที่นู่น เพื่ออยู่ใกล้แม่อยู่กับแม่ ย้ายโรงเรียนบ่อยมากจนจำไม่ได้

ลำบากสุด ๆ ช่วงไหน ?

น้ำตาล : ก็น่าจะช่วงตอนประถม มัธยมนี่แหละ พอหนูโตขึ้นหนูก็ต้องทำหลายอย่างมากขึ้น เรียนก็หนักด้วย

แม่บอกไหมช่วงที่เหนื่อยเยอะ ๆ กำลังใจมากจากไหน ?

น้ำตาล : มาจากหนูนี่แหละค่ะ แม่เขาอยากให้หนูโตมามีหน้าที่การงานที่ดี ได้ทำงานที่มั่นคง มีชีวิตที่มั่นคง

ทุกวันนี้ห่วงอะไรแม่บ้าง ?

น้ำตาล : ห่วงเรื่องสุขภาพ เพราะเมื่อก่อนแม่อ้วนมากแล้วเจ็บเข่า พยายามบอกแม่ให้ลดน้ำหนัก พยายามออกกำลังกาย ผอมลงแล้วค่ะ

สมัยก่อนเราดื้อไหม ?

น้ำตาล : เราก็รู้สึกว่าดื้อในระดับหนึ่งเหมือนกัน แบบเด็กวัยรุ่นทั่วไปอยากไปเที่ยว สอบเสร็จเร็วก็ไปห้างกับเพื่อน แต่ไม่มีเรื่อง เพราะเราไม่อยากใช้ชีวิตให้แม่ต้องมานั่งลำบากใจ

เฉียดความตายมาบ่อย ?

น้ำตาล : รถคว่ำตอนเด็ก ๆ แม่เล่าให้ฟังหนูจำไม่ได้เด็กมาก รถคว่ำด้วยกัน หนูก็ต้องเย็บหน้าผาก ประมาณอนุบาล กำลังจะไปเรียนแล้วฝนตก แม่ไปส่งที่โรงเรียน มีรถมอ’ไซค์อีกคันมา เรากระเด็นเข้าลวดหนาม แต่หนูมีกระเป๋าแล้วแม่ก็เอาตัวบังเราด้วย หนูเป็นแค่ถลอกตรงขา แต่แม่ลวดหนามเต็มหมดเลย มีอีกแม่ตกรถสิบล้อเป็นอัมพาตครึ่งตัว ตอนนั้นทำรถสิบล้อไปส่งของไปต่างจังหวัดบ่อย เราก็ไม่รู้ว่าตกท่าไหน กลับมาคือฝุ่นเต็มตัวหามมาส่งที่บ้าน ตอนนั้นเขาช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มากเพราะเป็นอัมพาตครึ่งตัว เราก็ยังเด็ก ๆ พยายามดูแลแม่เท่าที่ดูได้

น้ำตาล ชลิตา

แม่ไปทำงานไม่ได้ มีเงินไหม ?

น้ำตาล : มีเงินเก็บตรงนั้นด้วย และมีป้าที่คอยซัพพอร์ตด้วย

ฟาดกลับเกรียนคีบอร์ด ?

น้ำตาล : หนูไม่ได้ปรี๊ดแตกอะไรใส่เขา หนูรู้สึกว่าเขาก็คนเราก็คน เขาคอมเมนต์เราได้ เราก็คอมเมนต์กลับเขาได้เหมือนกัน หนูไม่ได้รู้สึกว่าเขาบูลลี่อะไร แค่ตอบกลับขำ ๆ อย่างมีป้าคนนึงบอกหน้าเหมือนคางคกเลย เราเลยบอกคุณป้าหน้าเหมือนเขียดตะปาดเหมือนกันนะคะ

มีคอมเมนต์ไหนรับไม่ได้ไหม ?

น้ำตาล : มาแซะเรื่องครอบครัวด่าถึงพ่อแม่ไม่ค่อยโอเค ตาลเป็นคนที่ฟังวิจารณ์ความเห็นของทุก ๆ คนเยอะมาก เพราะว่าเราก็รู้ว่าอยู่ในจุดไหนที่เราต้องฟังกับเขา แต่ถ้ามันมากเกินไป มันต้องมีอะไรที่ทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งนี้มันล้ำเส้นเกินไปแล้ว

คนมาแซะเราเรื่องอะไรเยอะสุด ?

น้ำตาล : มันแล้วแต่ช่วงเลยว่าช่วงนั้นมันจะเกิดเหตุการณ์อะไร อย่างเรื่องภาษา ทำไมเดี๋ยวนี้ปากเก่งทำไมตอนที่ประกวดยังใช้ล่ามไม่พูดไปเลยล่ะ หนูรู้สึกว่ามันผ่านมาแล้ว เราบอกทุกคนแล้วว่าเราไม่เก่งทางด้านนี้และเราซีเรียสด้านนี้มาก ๆ

หลายเรื่องที่เจอในคอมเมนต์มันทำให้เป็นปมในใจบ้างไหม ?

น้ำตาล : มันเป็นแรงผลักดันให้เราต้องพัฒนาตัวเองจากตรงนั้นมากกว่า ถ้าเรามานั่งจม นั่งนอยด์ สุขภาพจิตเราก็จะไม่ดี

อธิบายแฮชแท็ก #ทุกคำด่ามีราคาเสมอ ?

น้ำตาล : มันเป็นสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบมากกว่าค่ะ โซเชียลมีเดียมันไวมาก ใครอยู่ที่ไหนก็พิมพ์ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองพิมพ์ ไม่ใช่คึกคะนองพิมพ์ไปพร้อมความสะใจของตัวเอง หรือออกมาพูดให้ทุกคนแบบฉันแน่ ฉันเจ๋ง

น้ำตาล ชลิตา

ที่เป็นคดีความไปถึงไหนแล้ว ?

น้ำตาล : ตอนนี้ก็ส่งเรื่องไปทางเขา คำวิจารณ์ที่มาด่า ๆ ถ้าหนูใส่ใจจริง ๆ ได้หลายล้าน แต่ไม่อยากใส่ใจมากบางคนโปรไฟล์ยังอวตารอยู่เลย แล้วมาด่าคนอื่นเขา หนูอยากรู้ว่าชีวิตเขาดีมากแล้วใช่ไหมถึงมาใส่กับคนอื่นแบบนี้ อันไหนที่มากเกินไปจริง ๆ เราก็ต้องทำ

มีคอมเมนต์บอกเป็นนางงามสร้างกระแส ?

น้ำตาล : ถ้าหนูสร้างกระแสคงจะฟ้องตั้งแต่ 4-5 ปีที่แล้วที่คนมาด่าหนู ตอนได้นางงามมีคนไดเร็กมาด่าถึงพ่อถึงแม่ก็มี ทุกวันนี้โลกของเรามันโหดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ ไม่อยากให้คนเรามานั่งโหดร้ายกันเอง เราอยากให้รู้ลิมิตของตัวเองมากกว่า

รำคาญไหมเวลามีคนมาแซะ ?

น้ำตาล : นิดนึง อยากบอกเขาว่าเอาเวลาไปพักผ่อนดีกว่า

สายมูฯ หนัก ?

น้ำตาล : มันเป็นความเชื่อส่วนตัว เพิ่งมาเข้าวงการการมูตอนประกวดนี่เอง ปกตินับถือพระพิฆเณศกับพญานาค เคยเรียนที่สารคามไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่คำชะโนดตอนนั้นยังไม่ดัง หนูไปแล้วแฮปปี้มาก ชอบมาก หนูชอบพญานาค

มีเรื่องปาฏิหาริย์ ?

น้ำตาล : ในช่วงที่หนูลำบากหนูขอให้มีงานเข้ามาได้ผ่อนบ้าน ดูแลครอบครัว ได้กินต่อ ๆ ไป ไม่กี่วันก็มีงานเข้ามาเลย

ได้ขอความรักบ้างไหม ?

น้ำตาล : ไม่ได้ขอความรักเลย หนูรู้สึกว่าถึงเวลามันก็มาเอง

น้ำตาลพูดในไลฟ์แอน ชิลี คือคนที่กอง MU ตามหา ?

น้ำตาล : เขามีการจัดการระบบความคิด ระบบของตัวเองได้ดีมาก เขาไม่เคยประกวดมาก่อนแต่ได้มงฯ เลย เขามีวิธีการต่อสู้กับแรงกดดันหลายๆ  ด้าน เขาทำค่อนข้างได้ดีมาก ๆ เลย

แอน ชิลีโดนบูลลี่เรื่องหุ่น ?

น้ำตาล : คนอาจจะชินกับคำว่านางงามที่ต้องหุ่นดีมาก ๆ เขาก็เข้ามาเปลี่ยนในวงการนางงามเป็นคนแรกของไทยเลยด้วยซ้ำ

ติดตามรับชมรายการ คุยแซ่บShow ย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo