Entertainment

งานเข้า! ‘แอน’ โดนลือลูกน้องติดโควิด-19 แต่ยังให้ไปทำงาน ขอฟาดกลับเน้น ๆ 10 ข้อ

แอน จักรพงษ์ ฟาดกลับ 10 ข้อเน้น ๆ หลังโดนกล่าวหาปิดข่าวพนักงานติดโควิด-19 แถมยังให้ไปทำงานตามปกติ เจ้าตัวแจงตรวจพบรีบให้พักงาน ชี้ไวรัสที่น่ากลัวกว่าโควิดก็คือไวรัสที่ ‘เห็นใครดีกว่าตนไม่ได้’

ทำเอานักธุรกิจสาวข้ามเพศคนดังอย่าง “แอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์” หรือ “แอน JKN” ถึงกับปรี๊ดหนัก เมื่ออยู่ ๆ ก็มีเกรียนคีย์บอร์ดรายหนึ่งเข้ามาคอมเมนต์โจมตีเธอด้วยถ้อยคำรุนแรง กล่าวหาว่าลูกน้องของเธอนั้นติดโควิด-19 แต่ก็ยังให้ไปทำงานตามปกติ แถมยังปิดข่าวเงียบ ซึ่งทำให้ล่าสุด (10 ส.ค.) เจ้าตัวได้นำคอมเมนต์ดังกล่าวมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก Anne Jakrajutatip พร้อมกับร่ายยาวชี้แจงว่า

แอน จักรพงษ์

แอน จักรพงษ์ ฟาดกลับ 10 ข้อเน้น ๆ หลังโดนกล่าวหาปิดข่าวพนักงานติดโควิด-19

1.แอน จักรพงษ์ สะกดแบบนี้ให้ถูกก่อนนะคะ

2.เราไม่เคยรู้จักกัน เหตุไฉนถึงเรียกคนที่คุณไม่เคยเจอส่วนตัวเลยด้วยซ้ำว่า อีกะเทยบัวใต้น้ำ… ซึ่งถ้าดูจากโปรไฟล์คุณแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายจริง ก็ควรต้องมีมารยาท สุภาพบุรุษไม่เรียกผู้หญิงหรือสตรีข้ามเพศว่า อี หรือแทนตัวพวกเขาว่ากะเทย เพราะมันส่อสันดานความหยาบช้าค่ะ ถ้าคุณเข้าใจคำว่า บัวใต้น้ำ จริง…สิ่งที่คุณทำอยู่มันคือการเป็นคนประเภท บัวใต้ดิน ซึ่งหมายถึงความต่ำสุดในพื้นปฐพีค่ะ

3.ใครปล่อยลูกน้องเป็นโควิดคะ? ใครเค้าอยากจะเป็นกัน ?! เอาข้อมูลมาจากไหน ?! มโนเอง สรุปเองอีกแล้ว ! หาเรื่องใส่ร้ายป้ายสี (Smear Campaign) ไปเรื่อยมีความสุขหรือคะ ? มีแต่เขาตรวจพบ แล้วก็รีบให้พักงานเพราะด้วยความไม่ระวังของเจ้าตัวที่อาจติดจากสมาชิกคนในบ้าน พอเรารู้ก็ให้ทุกคนทั้งบริษัทไปตรวจทันทีและกักตัวคนที่มีความเสี่ยงใกล้คน ๆ นั้นเป็นเวลา 14 วัน

นอกเหนือจากนี้ทางบริษัทก็ยังจ่ายค่าวัคซีนให้พนักงานทุกคนซึ่งตอนนี้ทุกคนก็ได้คนละ 1-2 เข็มแล้วตามลำดับที่ได้จองไปเรียบร้อย… คุณอ่านข่าวแค่ไม่กี่บรรทัดว่ามีพิธีกรคนนึงติดหลังจากนั้นคุณก็เต้าข่าวให้ใหญ่โตเกินจริงเพื่อจ้องทำลายชีวิตคนอื่น (Cancel Culture)…ไวรัสที่น่ากลัวกว่าโควิดก็คือไวรัสที่ ‘เห็นใครดีกว่าตนไม่ได้’ …ไวรัสแห่งความริษยา…ไวรัสของจิตที่ป่วยในตัวคุณต่างหาก

4.ถ้าคุณคิดว่าเขาเป็นแหล่งแพร่โควิดจริงก็กรุณาเปิดจอทีวีดูว่าเค้าจะผลิตรายการสดทุกวัน ๆ ละ 7 ชั่วโมงได้อย่างไร ?! หรือที่บ้านคุณไม่มีทีวี… มีแต่มือถือเอาไว้สร้างข่าวใส่ร้ายคนอื่น ?! ถ้าไม่มีมาตรการที่เข้มงวด เค้าจะนั่งทำงานกันแบบนี้ได้อย่างไร ?! ควรต้องชื่นชมทางบริษัทดิฉันด้วยซ้ำ ว่ามีนโยบายเอาจริงชนิดสั่งให้คนพักงานทันทีและจ่ายให้พนักงานทุกคนรวมหลักล้านบาทเพื่อได้รับวัคซีนทันทีและที่สำคัญเราก็ได้มีการประกาศไปแล้วทางสื่อว่า เกิดอะไรขึ้น…ไม่ทราบว่าคุณไปอยู่ในรูไหนมา ?! จึงไม่เห็นว่าเค้าก็ได้มีการแถลงไปตั้งนานแล้ว…

คุณแค่อยากจะหาเรื่อง…อย่าทำตัวกระจอกเลยค่ะ…ถ้าคิดว่าสิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงก็รวบรวมหลักฐานแล้วไปฟ้องที่สถานีตำรวจสิคะ….บริษัทดิฉันอยู่ที่แบริ่ง…อยากเจอตัวคุณและพวกเหมือนกันจะได้สั่งฟ้องทั้งคดีแพ่งและคดีอาญาเพราะปกติคนอย่างพวกคุณก็เก่งแต่ปาก…พอเวลาให้มาเคลียร์ก็หายตัวหมดทุกคน….ถ้าสิ่งที่คุณพูดเป็นเรื่องจริง ก็เชิญได้เลยค่ะ…ดิฉันก็อยากเจอพวกคุณค่ะ…เป็นผู้ชายที่เรียกคนอื่นว่ากะเทยและใช้สรรพนามแทนผู้หญิงว่า อี แต่พอเวลาให้โชว์ตัว…ผู้ชายอย่างคุณกลับไม่มา…หลบหน้าหายหนีอยู่ในรู…ขอแนะนำว่าคุณควรใช้คำสรรพนามกับตัวเองว่า ‘อีโคตรกะเทยใต้ดิน’ ค่ะ

5.ไม่เคยปิดคอมเมนต์ในเพจตัวเองค่ะและแถมยังตอบเองด้วยอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ ดิฉันเป็นคนกล้าเผชิญหน้าค่ะ ไม่ต้องห่วง แล้วตอนนี้ก็อยากเจอคุณมากด้วย

13 แอน จักรพงษ์2

6.โครงการแจกอาหาร 1,000,000 กล่องโดย แอน จักรพงษ์ ก็ทำเสร็จไปแล้วนี่คะ…ไม่ได้ดูข่าวเหรอคะว่าแจกกันทุกวัน ทำงานหนักกันทุกวัน และก็จบไปแล้วพร้อมคำขอบคุณจากทุกโรงพยาบาลและมูลนิธิ…คุณมันเป็นคนแย่มาก…มือไม่พายยังเอาตีนราน้ำ ไม่ช่วยสร้างสรรค์ส่งเสริมหรือขอบคุณคนที่เค้าทำให้กับสังคม ซึ่งใช้เงินหลายสิบล้าน…ยังกลับมาเย้ยหยันถามกลับว่าไปถึงไหนแล้ว ?!

ไปถามคุณพ่อคุณแม่คุณว่าสอนคุณมายังไงดีกว่าค่ะ ?! …ทั้ง ๆ ที่โครงการนี้ก็ออกข่าวออกทีวีทุกวัน คนที่เขาทำงานกันทุกคนจะเสียความรู้สึกขนาดไหนกับคนบัวใต้ดินอย่างคุณ ?! อาหารซักกล่อง ได้เคยทำช่วยเหลือบ้างหรือเปล่าคะ ?! พอตอนนี้ได้รู้ความจริงมีคำว่า ‘ขอบคุณ’ สักคำมั๊ยคะ ?! จิตสำนึกไม่มีแล้วยังบังอาจหน้าด้านถามคนอื่นอีก ??!

7.บอกให้ดิฉันหยุดใช้ Facebook ของดิฉันที่มีคนตามกว่า 12 ล้านคนทำไม ? ไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกัน ?! มีเหตุผลอะไร ?! อยู่ดี ๆ ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีอะไรเกี่ยวเนื่อง… แบบนี้ได้ด้วยหรือ ?! ถ้าอยากจะหยุดดิฉันจริง ๆ ก็ไปคุยกับ Mark Zuckerberg แล้วกันค่ะ

8.บอกดิฉันไปเที่ยวสนุกที่หัวหิน ??!! แล้วมันหนักอะไรในหัวคุณหรือคะ ? ที่ดิฉันไปเที่ยวกับสามีและลูก….ก็ไม่เข้าใจอีกเหมือนกันในเมื่อเราก็ไม่มีโควิด…ไม่งั้นรีสอร์ทก็คงไม่เปิดรับหากไม่มีผลตรวจ… แล้วใครจะเอาลูกไปเสี่ยงเที่ยวหากไม่ปลอดภัย?! บอกแล้วว่าไวรัสโควิดไม่น่ากลัวเท่ากับไวรัสริษยาของตัวคุณ

9.สรุปตกลงจะเขียนมาหาพระแสงอะไรคะ ??! ไปทำมาหากินเถอะค่ะ….คิดบวกคิดสร้างสรรค์แล้วชีวิตคุณก็จะบวกขึ้นเอง…อย่าเฝ้าแต่ริษยาคนอื่นหรือเล่นละครสร้างความสนใจเพราะหิวแสง ตลอดจนสร้างความเกลียดชังในสังคมด้วยการใส่ร้ายป้ายสี… บาปบุญมีจริงนะคะ…การมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นทุกครั้งล้วนแล้วต้องอยู่บนพื้นฐานของคำว่า ‘เหมาะสม’ ทุกการกระทำล้วนต้องอยู่บนพื้นฐานของคำว่า ‘รับผิดชอบ’ …เงินทุกบาทของค่าปรับหรือการถูกจำคุก ล้วนแล้วมีกฎหมายระบุเช่นกัน

10.มีสติยังไม่พอ ยุคปัจจุบันต้องมีสตางค์เตรียมไว้ด้วย ก่อนที่จะโจมตีผู้อื่นทางวาจา อย่าได้แต่อ้างว่านี่คือสังคมประชาธิปไตย เพราะสำหรับคุณมันคือ อัตตาธิปไตย… มันคือข้ออ้างสำหรับคนหยาบช้าจอมปลอม (Crooks) ที่ต้องการจะหาผลประโยชน์จากคนลำบากของสังคมให้เชื่อคุณในช่วงตกต่ำของการเมือง และชอบใช้จังหวะที่มีช่องว่างของคนจนและคนรวย ในการสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นมากที่สุด กับคนที่คุณอยากจะโจมตี…พอเถอะค่ะ !!! การตลาดแบบนี้มันคือการตอกฝาโลงตัวเอง…ในที่สุดทุกคนมองออกว่าอะไรคืออะไร…อยู่กันด้วยเหตุผล…ใช้ชีวิตแบบปัญญาชนเพื่อลูกหลานของเรานะคะ #แอนจักรพงษ์

13 แอน จักรพงษ์1

ที่มา Anne Jakrajutatip

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo