ดราม่า ให้รักพิพากษา ‘ทนายตัวแสบ’ ชี้ขั้นตอนวงการกฎหมาย ไทย-เกาหลี ไม่เหมือนกัน

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 13 สิงหาคม 2564

ทนายตัวแสบ ชี้ละคร ให้รักพิพากษา น่าจะอิงจากซีรีส์เกาหลี ทำให้ขัดกับความเป็นจริงในไทย ย้ำคนในวงการกฎหมายแค่อยากให้ละครอ้างอิงข้อมูลอย่างถูกต้อง

กำลังถูกพูดถึงอย่างร้อนแรงในโลกโซเชียล สำหรับละคร “Dare To Love ให้รักพิพากษา” ทางช่อง 3 นำแสดงโดยนางเอกสาวชื่อดัง “เบลล่า ราณี” และพระเอกน้องใหม่ “กองทัพ พีค” หลังจากอัยการระดับสูงหลายรายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ เกี่ยวกับนำเสนอเนื้อหาที่บิดเบือนการทำงานของอัยการ และตำแหน่งผู้พิพากษา ซึ่งอาจส่งผลให้สังคมเข้าใจผิดได้ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ทนายตัวแสบ ชี้ละคร ให้รักพิพากษา น่าจะอิงจากซีรีส์เกาหลี

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด (13 ส.ค.) แฟนเพจด้านกฎหมายชื่อดัง ทนายตัวแสบ:Badass Attorney ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็น โดยระบุว่า “ขออนุญาตเขียนถึงละครให้รักพิพากษาสักหน่อย

ละครมันเดินเรื่องว่าพระเอกนางเอกทำงานด้านทนายความ ผมเคยลองดูผ่าน ๆ เพราะมีรุ่นพี่แนะนำว่ามันดูสมจริงดี ก่อนจะเจอความไม่สมจริงเรื่องฉากว่าความในศาลไปบ้าง เข้าใจได้ว่ามันเป็นละครแหละ แต่ถ้าดูแล้วไม่โอเคผมก็เลิกดู รุ่นพี่ที่แนะนำให้ผมดูก็เลิกดูเหมือนกันฮ่า ๆ ตัดมาเรื่องที่ทางอัยการเป็นกระแส อันนี้ส่วนตัวเดาว่าคนทำบทละครน่าจะไปอิงจากซีรีส์ต่างประเทศอย่างเกาหลีใต้ตามที่มีคนตั้งข้อสังเกตไว้ครับ

ให้รักพิพากษา

อธิบายโดยย่อคือที่เกาหลีใต้มีการสอบ Bar Exam อย่างเดียว ถ้าสอบผ่านแล้วจะเป็นผู้พิพากษา อัยการ หรือทนายความ ก็ได้ สามารถเปลี่ยนสายงานไปมาได้ด้วย (ผิดถูกอย่างไรมีข้อมูลมานำเสนอได้ครับอันนี้ก็อ้างอิงจากคนอื่นมา)

แต่ในไทยไม่ใช่อย่างนั้นครับในไทยก่อนจะเป็นอัยการได้เอาแบบสายตรง

1.จบนิติศาสตร์

2.จบเนติบัณฑิต

3.เก็บคดีครบถ้าเป็นทนายความ หรือหากรับราชการหรือทำงานสายอื่นก็ต้องอายุงานครบ อายุถึงเกณฑ์คุณสมบัติครบถ้วนถึงมีสิทธิ์สอบ

ส่วนจะสอบได้ไม่ได้อีกเรื่อง

ไม่มีการเชิญไปเป็นอัยการได้ดื้อ ๆ แบบนี้และอัยการโตไปก็เป็นอัยการสูงสุดครับ แกจะโตไปเป็นผู้พิพากษาไม่ด๊ายยยยย อ๋อ ยกเว้นตอนเป็นอัยการไปสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาได้นะครับ แต่ก็ต้องสอบไง ไม่ใช่ทำเรื่องย้ายสายงานได้เลย

ทนายตัวแสบ ย้ำคนในวงการกฎหมายแค่อยากให้ละครอ้างอิงข้อมูลอย่างถูกต้อง

ส่วนจะลาออกไปเป็นนักการเมืองก็อีกเรื่องนึง ส่วนดราม่าเรื่องการมอบหมายงานคดี การชักหลักฐานสำคัญออกจากสำนวน ที่เขาดราม่ากันเพิ่มเติมนั้น เอาแบบปกติมันก็ขัดกับความเป็นจริงแหละ ส่วนใครจะบอกว่ามันมีอยู่นะอัยการที่ทุจริตช่วยจำเลย ก็ว่ากันเป็นเคสไปครับ

คนนอกวงการอาจสงสัยว่าดราม่าทำไมแค่ละคร คือต้องบอกงี้ครับบ้านเราทำละครหรือภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับขั้นตอนหรือกระบวนการทางกฎหมายผิดบ่อย ๆ คงคิดว่าแค่ละครเพื่อความบันเทิง แต่คนที่ดูหลาย ๆ คนเขาเชื่อในละครนะครับ

ทุกวันนี้ผมยังเจอลูกความบางคนถามเรื่องลูกขุนในศาลอยู่เลยเพราะจำมาจากละคร หรือบางคนคิดว่าจะเสียงดังโวยวายไงก็ได้ เพราะในหนังเห็นตะโกนกันไปมาได้ในศาลจากละคร คนในวงการกฎหมายมองว่า แค่อยากให้ละครอ้างอิงข้อมูลพวกนี้อย่างถูกต้อง เหมือนวงการหมอที่เคยออกมาติงพวกฉากผ่าตัด ฉากทำ CPR อะไรพวกนั้นแหละครับ”