จากกรณีมีการนัดชุมนุมใหญ่ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง แนวร่วมราษฎร กว่า 15 กลุ่ม นำโดย กลุ่มเยาวชนปลดแอก ประกาศเชิญชวนประชาชน ร่วมชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมการรวมตัว พร้อมยื่น 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ 1. พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข 2. ปรับลดงบสถาบันและกองทัพ และ 3. เปลี่ยนวัคซีนหลัก เป็นชนิด mRNA
ก่อนจัดขบวนประชาชนเคลื่อนไปยังทำเนียบรัฐบาล จนมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่บ่ายจนถึงช่วงเย็นเมื่อวานที่ผ่านมา ( 18 ก.ค. ) ก่อนที่ตัวแทนกลุ่มได้ประกาศยุติการชุมนุม โดยให้มวลชนเดินทางกลับมุ่งหน้าไปทางแยกยมราช เพื่อลดการเผชิญหน้ากับทางเจ้าหน้าที่ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย เพราะทางเจ้าหน้าที่มีการยิงแก๊สน้ำตาเป็นระยะ ๆ
ล่าสุด นางเอกสาวชื่อดัง “ออม สุชาร์” ขอเป็นอีกเสียงหนึ่งกระบอกเสียงออกมา Call out เพื่อประชาชน โดยเจ้าตัวได้โพสต์ภาพข้อความผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @aom_sushar ว่า “มีคนเคยบอกว่าคนไทยเป็นคนลืมง่าย แต่อยากให้ทุกคนช่วยกันจดจำช่วงเวลานี้ไว้ วันนี้เสียงของประชาชนอาจจะเป็นแค่เสียงเล็ก ๆ ที่ใครบางคนอาจจะไม่ได้ยิน แต่มันจะมีวันหนึ่งที่เสียงของประชาชนจะมีค่าและสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศเราได้ เมื่อวันนั้นมาถึงจงอย่าลืมช่วงเวลานี้
วันที่ประชาชนออกมาเรียกร้องวัคซีน แต่กลับได้แก๊สน้ำตาและกระสุนยาง , วันที่กฎหมายไม่ให้พูดแม้กระทั่งความจริง , วันที่แม้แต่ผู้อ่านข่าวยังเสียน้ำตากับข่าวที่อ่าน , วันที่หมอและพยาบาลต้องอดหลับอดนอนสู้กับศึกที่ไม่มีวันชนะเพราะขาดอาวุธที่มีประสิทธิภาพ , วันที่คนป่วยไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้รับการรักษา , วันที่ลูกไม่มีแม้โอกาสจะจัดงานศพให้พ่อแม่ และ วันที่เสียงร้องไห้ไม่ดังเท่าเสียงหัวเราะเมื่อวันนั้นมาถึง ขอคนไทยเราอย่าลืม”
ก่อนที่ สาวออม จะแนบแคปชั่นเพิ่มเติมว่า “ขอเป็นอีกเสียงนึงในฐานะประชนคนนึงค่ะ ความตายของคนไทยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ความทุกข์ที่ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะใช้ชีวิตยังไง ตอนนี้เวลาได้พิสูจน์แล้วว่า ประชาชนไม่เชื่อใจ หมดความเชื่อใจกับพวกคุณไปตั้งนานแล้ว ฟังเสียงของพวกเราบ้างเถอะค่ะ”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หักมุมไหม?! #อันฟอลไดอารี่เมียดารา ติดเทรนทวิตเตอร์ ส่อคดีพลิกหรือเปล่า
- ‘ซาร่า’ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องบัญชี ‘น้องแม็กซ์เวลล์’ ระบุชัดเจนใครมีสิทธิ เบิก-ถอน
- ใครว่าไม่ช่วย ‘ตูน-ก้อย’ ส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยด่านหน้าฝ่าวิกฤติโควิด
