เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สำหรับตลกรุ่นใหญ่ น้านงค์ เชิญยิ้ม ที่รอดตายปาฏิหาริย์หลังพลาดดื่มน้ำยาล้างเครื่องเงิน หมอบอกเป็นตายเท่ากัน ความรู้สึกของคนข้างหลังบีบหัวใจขนาดไหน แล้วตอนนี้ปลอดภัยแล้วหรือยัง ล่าสุดน้านงค์ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 ที่มีธัญญ่า ธัญญาเรศ, หนิง ปณิตา และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
จริง ๆ น้านงค์จะอยู่ต่างจังหวัด ?
น้านงค์ : ช่วงโควิดจะอยู่ที่ร้อยเอ็ดอย่างเดียวครับ อยู่บ้านนอกจริง ๆ กันดารมาก ๆ เลย
แสดงว่าที่เกิดเรื่องราวขึ้น เกิดที่บ้าน ?
น้านงค์ : เกิดที่กรุงเทพฯ ครับ ตอนนั้นเรารองานอยู่
เหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นได้ยังไง ?
น้านงค์ : มันเกิดขึ้นจากความเผลอเรอของเรานี่แหละ คือเราอายุมากแล้ว เราอาจจะลืมในสิ่งนี้ได้ แต่ว่ามันมีอยู่วันนึง น้ำยาล้างเครื่องเงินที่น้านงค์ไว้ล้าง คือน้านงค์สะสมพวกเลสหลวงพ่อ แหวนหลวงพ่อ ชอบใส่เครื่องเงิน ซึ่งพอใส่นาน ๆ ก็จะดำใช่ไหม เราจะซื้อน้ำยาล้างเครื่องเงินมาขวดนึง มีอยู่ครั้งนึงน้านงค์ก็เทไปเกือบครึ่งขวดก็เอามาล้างเครื่องเงิน พอล้างเสร็จจะเทคืนขวดเก่า เดี๋ยวที่มันเหลืออยู่จะสกปรก เสียดาย พอดีมันมีขวดน้ำเล็ก ๆ อยู่ 7-8 ขวด
เห็นบอกเป็นขวดน้ำจากเครื่องบิน ?
น้านงค์ : ใช่ ๆ เราไม่ได้ดื่มบนเครื่องบินไง เราก็เอากลับมาบ้าน แล้วก็เอามาแช่ไว้ที่ตู้นั่นแหละ ตอนนั้นพอล้างเสร็จเราก็รินไปในขวดน้ำ เราก็กลัวเราเผลอนี่แหละ เอาขวดนี้ไปเก็บไว้ในห้องน้ำ ผ่านไปเดือนกว่า ๆ ลูกชายจะกลับบ้านตอนสงกรานต์ จะกลับพิจิตร เขาเอาแหวนเขาเป็นเงินเหมือนกันมาขอล้าง ไอน้ำยาที่เหลืออยู่ในขวดจริงยังเหลืออยู่ ก็เลยเทล้างให้ลูกชาย เราลืมขวดที่อยู่ในห้องน้ำไปแล้ว ล้างเสร็จมันเหลือน้อยแล้วก็เทคืนกลับขวดเดิม ก็จะเอาไปเก็บที่ห้องน้ำเหมือนกัน ไปเจอขวดที่เดิมที่เอายาใส่เอาไว้ เราได้แต่คิดว่าใครเอาขวดน้ำเรามาใส่ไว้ในนี้ทำไม ก็เลยหยิบมาดูปุ๊บ น้ำมันน้อย ก็เลยเติมน้ำเต็มขวดแล้วไปแช่ตู้เย็น แล้วมันไปรวมอยู่ใน 7-8 ขวด
แล้ววันนั้นเราตื่นนอนมา แล้วเราจะกินยา เอาน้ำมา พอกินเข้าไปนิดเดียว เรารู้เลยว่ามันไม่ใช่น้ำ เพราะมันโดนลิ้นเราแล้วมันขม ๆ รีบบ้วนเลย มันเข้าไปในลำคอนิดนึง ไม่ถึงกลับกลืนแค่โดนลิ้น แต่กลิ่นมันฉุนมาก ตอนนั้นพอบ้วนทิ้งแล้ว รีบกลั้วปาก เอานิ้วเข้าไปในลำคอจะให้อาเจียน แต่มันไม่อาเจียน ยืนอยู่สัก 2-3 วิมันเซ เราจกใจด้วย พอเซปุ๊บเราไปหยิบขวดมาดู มันมีรูปหัวกระโหลกไขว้ แล้วก็เขียนว่าห้ามรับประทาน ก็ไปปลุกลูกชายอีกห้องให้พาไปโรงพยาบาล ก็ให้ลูกชายเอาน้ำยาที่พ่อกินไปให้หมอดูด้วย อันนี้ลูกชายเล่าให้ฟังว่ายังไม่ออกถึงป้อม รปภ. หน้าบ้านเลย เราไม่รู้ตัวแล้ว ไปถึงโรงพยาบาลปุ๊บเขารีบเอาเข้าห้องฉุกเฉิน
เห็นว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดี วันที่เกิดเหตุ เป็นวันที่ 15 เมษายน นั่นคือวันสงกรานต์ ?
น้านงค์ : ใช่ เขาหยุดทำงานกันหมด แต่คุณหมออยู่โรงพยาบาลเต็มเลย รอช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดนี่แหละ
แต่ไปถึงโรงพยาบาลหมอแจ้งว่ายาต้านพิษสำหรับตัวนี้หมด ?
น้านงค์ : ที่โรงพยาบาลนี้ไม่มียาต้าน มีอยู่ที่เดียวที่โรงพยาบาลรามา คุณหมอก็เลยประสานกับโรงพยาบาลรามา และเอายาต้านจากรามา มาที่มีนบุรี
หมอได้บอกไหมว่าอาการรอได้ หรือรอไม่ได้ ?
น้านงค์ : ลูกชายก็ถามหมอว่าเป็นยังไงบ้าง คุณหมอบอกว่าพ่อได้รับสารพิษ สารไซยาไนด์เข้าไป สามารถทำอันตรายให้ถึงแก่ชีวิตได้ ลูกก็ถามว่าพอจะรักษาได้ไหม คุณหมอบอกยังรับปากไม่ได้
ตอนนั้นภาษาชาวบ้านคือ 50:50 ?
น้านงค์ : ใช่ มันอยู่ที่ยาจะมาไวหรือเปล่า ก็ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงยาก็มาถึง
พอได้รับยาอาการเป็นยังไง ?
น้านงค์ : ตอนนั้นน้าไม่รู้ตัว เพราะว่าตั้งแต่สลบไปถึงโรงพยาบาล มารู้ตัวก็นอนฟื้นนี่แหละ
เขาต้องล้างท้องไหม ?
น้านงค์ : ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้เขาเอาเครื่องช่วยหายใจยัดเข้าไปในปาก ในลำคอ แล้วก็เจาะคอเหมือนเอาตัวยาต้านเข้าไปช่วย แล้วก็เจาะแขนให้น้ำเกลืออะไรประมาณนี้ แล้วก็มัดมือ มันเท้าดุกดิกไม่ได้เลยตอนฟื้นมา เขาบอกว่าต้องขอโทษนะน้าที่ต้องมัดแขน มันขา เพราะว่าน้าดิ้นแล้วน้าชักเกร็ง กลัวว่าตื่นมาแล้วจะไปดึงสายนู่น สายนี่
น้าหลับอยู่นานไหม ?
น้านงค์ : ก็นานนะ เห็นลูกชายบอกว่าช่วงบ่าย ๆ ถึงจะรู้สึกตัว
เห็นว่า ณ ตอนนั้นภรรยาไม่อยู่ด้วย มีแต่เด็ก ๆ ที่อยู่กับน้า ภรรยาอยู่ที่ไหน ?
น้านงค์ : อยู่ร้อยเอ็ดครับ คือภรรยาผมไปเปิดร้านอยู่ที่นู่น ตอนนี้น้านงค์ทำธุรกิจอยู่ที่นู่น ภรรยาก็เลยดูแลอยู่ที่นู่น พอทราบเขาก็ตกใจ คือลูกชายผมเนี่ยเขาสติไม่มีแล้ว พอหมอไม่รับปากว่าจะได้คืนมาไหม เขาบอกเขาต้องไปนั่งทำใจว่าเขาต้องทำอะไรต่อ แล้วพอดีโทรไปหาน้องสาวเขา แล้วโทรไปหาแม่เขา แล้วก็โทรไปบอกป้าสมกับน้าโย่ง พอโทรเสร็จน้าโย่งก็มา ภรรยาผมก็ขับรถจากร้อยเอ็ดมาคนเดียว พอรู้ข่าววันที่ 15 ก็เดินทาง ซึ่งตรงกับวันที่คนเขากลับมาทำงานพอดี รถก็ติด มาถึงคือเช้าของอีกวันนึง
แล้วส่วนตัวของน้าเอง ตอนที่ฟื้นมา ความตายมันใกล้เราแค่เอื้อมเอง ณ ตอนที่ลืมตามาเป็นยังไงบ้าง ?
น้านงค์ : เหมือนเราลืมตามา แต่น้าโชคดีอย่างนึงคือยังจำอะไรได้อยู่ จำได้ว่าเรามาหาหมอ แต่จำไม่ได้ว่าเราเป็นอะไร ไม่รู้ตัวว่าใครทำอะไรกับเราบ้าง ตื่นมาก็เห็นแสงไฟ ก็คิดว่านี่เราอยู่โรงพยาบาลเหรอ แต่ทำไมเราพูดไม่ได้
เจ็บไหม ?
น้านงค์ : เจ็บ พูดไม่ได้เลย อึดอัดมาก พูดไม่ได้ ทีนี้คิดไปถึงงานอย่างเดียวเลย ห่วงงาน เราต้องใช้เสียงด้วย ทำไงดีพูดไม่ได้ เราจะทำยังไงต่อไป
มีความรู้สึกกลัวตายบ้างไหม ?
น้านงค์ : กลัว ๆ กลัวตั้งแต่ดื่มเข้าไปแล้ว ตกใจ แบบตกใจมาก ๆ
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายตอนนั้น เจ็บปวดขนาดไหน และเจ็บตรงไหนมากที่สุด ?
น้านงค์ : ในคอ แล้วก็ตรงคอที่โดนเจาะ
หมอได้แจ้งไหมว่าจะมีผลอะไรกับเสียงเราไหม ?
น้านงค์ : ไม่ได้บอกอะไร แต่ว่าถามหมอตอนที่เขาเอาเครื่องช่วยหายใจออก คือเราพูดไม่ได้เสียงมันแหบแห้งเลย คือร้องอะไรไม่ได้แน่นอน ผมถามทำไมเป็นอย่างนี้ แล้วผมจะทำยังไง ผมต้องมีงานวันที่ 18 คุณหมอบอกว่าเสียงจะเป็นแบบนี้ 2-3 วันเดี๋ยวมันจะหายไปเอง
ถ้าคิดไหมว่าถ้าเสียงเราไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมจะเกิดอะไรขึ้น ?
น้านงค์ : นั่นแหละคิดมากเลย เพราะว่าเราต้องร้องช้อน ต้องไปทำงานเกี่ยวกับเสียงอย่างเดียว ถ้าไม่มีเสียงเราจะทำยังไงต่อไป อันนั้นคือคิดล่วงหน้าเลย
สุดท้ายน้าใช้เวลานานขนาดไหนกว่าเสียงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ?
น้านงค์ : ก็เป็นอาทิตย์ งานวันที่ 18 น้าโย่งคืนเลย ไม่ไป ช่วงโควิดด้วย เจ้าภาพเขาจะให้ไปนั่นแหละ แต่น้าโย่งว่าไม่เหมาะที่จะไปแล้วละ เพราะว่าเราก็ไม่สบายด้วย ถ้าไปก็ไป 2 คน ไป 2 คน ไม่ไปดีกว่า ก็เลยคืนเจ้าภาพ
อยู่โรงพยาบาลกี่วัน ?
น้านงค์ : 3 วันครับ ออกวันที่ 18 วันที่ 19 ผมก็ไปต่างจังหวัดเลย กลับไปพักฟื้นที่บ้านนอกเลย
ตอนนี้น้าต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง ?
น้านงค์ : คุณหมอไม่ให้ทานเผ็ด แต่บางทีเราคนลูกทุ่ง เราขาดเผ็ดไม่ได้ ก็ลองกินดูว่ามันได้ไหม
คุณหมอได้อธิบายถึงน้ำยาตัวนี้ไหม ว่ามันอันตราย มันเข้าไปทำลายอะไรบ้าง ?
น้านงค์ : คุณหมอบอกว่ามันเป็นสารไซยาไนด์ ซึ่งเคสแบบนี้ไม่มีรอดนะน้า ถึงจะนิดเดียวก็ตายได้
ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว แล้วจิตใจฟื้นตัวได้เร็วไหม ?
น้านงค์ : หลอนมาก ตอนนี้อะไรที่มันใกล้เคียงกันผมเก็บทิ้งหมดเลย ตอนนี้จะกินน้ำก็ต้องระวัง ก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ประมาณนั้นเลย
วันนั้นน้าโย่งเศร้ามากเลย ?
น้านงค์ : ครอบครัวเราก็ได้กำลังใจตากน้าโย่ง เจ๊สมนี่แหละ เหมือนเป็นที่พึ่งของเขาได้ เพราะลูกชายไม่รู้จะไปทางไหนแล้ว คือมันสับสนไปหมด โชคดีที่ได้น้าโย่งกับเจ๊สมมาช่วย
หมอบอกโคม่า เป็นตายเท่ากัน ฟังแล้วเป็นยังไง ?
น้าโย่ง : เขาไม่รู้สึกตัว เราก็ใจไม่ดี กระวนกระวาย เดินวนอยู่หน้าห้อง ในใจก็ครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยอย่าให้เขาเป็นอะไรเลย
เห็นบอกว่าตั้งแต่วันที่น้านงค์เข้าโรงพยาบาล น้าโย่งช่วยประสานงานเต็มที่เลย แต่จนถึงวันนี้ยังไม่ได้เจอกันเลย ?
น้าโย่ง : เราก็เวิร์กฟอร์มโฮมในไลน์นี่แหละ
พอรู้ว่าเพื่อนรักเราขนาดนี้อยากจะบอกอะไรกับเพื่อนบ้าง ?
น้านงค์ : จริง ๆ เราก็รักกันทุกวันอยู่แล้ว อยู่กันมาตั้งแต่สมัยเล่นลิเก เราไม่เคยมีผิดใจกัน เรารักกันมาตลอด เราดีใจที่ได้รับการดูแลจากเขา แล้วก็จากยายสม
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทำให้รักกันมากขึ้นกว่าเดิมอีกไหม ?
น้าโย่ง : เรียกว่าความผูกพันดีกว่า ถ้าความรักเดี๋ยวมันดูหวานไป คือความรักมันปนอยู่ในความผูกพัน ผสมกันอยู่เรียบร้อยแล้ว 3 คนเราผูกพันกันมาก
น้าโย่งอยากบอกอะไรน้านงค์บ้าง ?
น้าโย่ง : ก็ระวังเดี๋ยวมันจะผิดพลาดขึ้นอีก น้าโย่งมองว่าน้านงค์เป็นคนรอบคอบอยู่แล้ว แต่วันนั้นมันเกิดความผิดพลาดจริง ๆ
ติดตามรับชมรายการ “คุยแซ่บShow” ชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ปุ๊กลุก เจ็บหัวใจ แม่อาการโคม่า ปากม่วง หยุดหายใจ ซัด รพ. ล้อเล่นชีวิต ถามหาจิตสำนึก
- หนุ่ม กรรชัย ใบ้เพิ่ม ข่าวเมาท์สะเทือนวงการ นางเอกดังแย่งสามีชาวบ้าน
- ‘เอวา’ เปิดบ้าน 1,000 ล้าน 13 ชั้น โรงจอดรถนึกว่าอยู่ห้าง พาไปเจอ ‘ป้าสมปอง’ เพื่อนสนิท