Entertainment

‘บอสดารา’ เป็นเหยื่อ หรือผู้บงการ กูรูการเงิน วิเคราะห์ชัด!!

“บรรยง” วิเคราะห์ บอสดารา เป็นเหยื่อหรือผู้บงการ บทเรียนคนดังก่อนรับงานพรีเซนเตอร์ ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด

นายบรรยง วิทยวีรศักดิ์ กูรูวงการการเงินและประกันภัย และอดีตประธานสมาคมที่ปรึกษาการเงินแห่งเอเชียแปซิฟิก (APFinSA) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง บอสดารา เป็นเหยื่อหรือผู้บงการ โดยระบุว่า

บอสดารา

บทความในวันนี้ ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะชี้ชัดว่า ดาราที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้น เป็นเหยื่อในเกม หรือเป็นหนึ่งในผู้บงการ ต้องรอให้ศาลชี้ขาด ตามข้อมูลหลักฐานทางกฏหมาย

ความหมายคือ ถ้าดาราเหล่านั้นมีส่วนร่วมตั้งแต่แรก หรือรู้กลโกงในภายหลังแล้ว ยังร่วมมือในการปั่นกระแสต่อไป ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้บงการ

แต่ถ้าดาราเหล่านั้น เข้าร่วมโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีคนมาเสนอค่าพรีเซนเตอร์ก้อนโต ธุรกิจที่มาเสนอ ก็เหมือนกับธุรกิจขายตรงอื่น ๆ ที่มีขายอาหารเสริมเป็นสินค้าหลัก ไม่มีวี่แววว่าดารามีส่วนร่วมในการลงมือทำธุรกิจด้วย ก็มีสิทธิ์ที่จะรอด และถือว่าเป็นเหยื่อที่ถูกหลอกใช้ได้เช่นกัน

เราต้องยอมรับว่า รายได้หลักของดาราหรือนักกีฬา มาจากงานหลักที่ทำและการเป็นพรีเซนเตอร์ ในหลาย ๆ เคส ค่าพรีเซนเตอร์ที่ได้รับนั้น มากกว่างานปกติเสียอีก

ผมเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อเตือนสติพวกเราว่า เกิดวันหนึ่ง เรากลายเป็นคนดังขึ้นมา แล้วมีธุรกิจขายตรงมาติดต่อให้เราเป็นพรีเซนเตอร์ ประชาสัมพันธ์สินค้า ซึ่งดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับการเป็นพรีเซนเตอร์เชียร์สินค้าในทีวีหรือวิทยุทั่วไป ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย

มิหนำซ้ำ บริษัทนั้นยังมาเสนออีกว่า ในช่วงที่เราโฆษณาให้นั้น หากยอดขายของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ก็จะแบ่งส่วนกำไรจากยอดขายมาให้เราด้วย ฟังแล้วดูดีใช่ไหมครับ

บรรยง วิทยวีรศักดิ์
บรรยง วิทยวีรศักดิ์

แต่ถ้าเราไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า สินค้าที่นำมาเสนอขายนั้นไม่มีคุณภาพ หรือโอ้อวดเกินจริง ธุรกิจก็เข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ คือชวนคนมาลงทุนแล้วหลอกว่าจะได้รับผลตอบแทนมากมายมหาศาล เมื่อมีคนเปิดโปงขึ้นมา เราก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่ต้องตกเป็นผู้ต้องหาด้วย

ผมมาคิดว่า ดาราที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้น ถ้าเขาได้รู้แต่วันแรกว่า ธุรกิจนี้เข้าข่ายเป็นแชร์ลูกโซ่ ผมเชื่อว่าเขาคงไม่รับเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะทุกวันนี้ลำพังค่าตัวและธุรกิจส่วนตัวที่มีอยู่นั้น ก็มากกว่าการเป็นพรีเซนเตอร์ในบริษัทดิไอคอนหลายเท่าตัว (ถ้าเป็นจริงตามที่ข่าวแจ้งว่าได้ค่าพรีเซนเตอร์คนละ 6-8 ล้านบาท)

แต่ถ้าศาลตัดสินว่า ดาราเหล่านี้เป็นผู้ร่วมบงการของแชร์ลูกโซ่ เข้าข่ายหลอกลวงประชาชนจำนวนมาก ก็จะถูกยึดทรัพย์ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าการยึดทรัพย์จะยึดทรัพย์ทั้งหมด รวมถึงที่หามาได้จากการทำงานในฐานะดาราด้วยหรือเปล่า ซึ่งถ้าทุกคนรู้ล่วงหน้า คงไม่มีใครอยากไปยุ่งเกี่ยว

ชีวิตอยู่ยากขึ้นทุกวันครับ ขนาดมีคนมาเสนองานให้เราเป็นพรีเซนเตอร์ ได้เงินก้อนโต ก็ต้องสืบให้แน่ชัดว่าธุรกิจนี้ทำอะไร เข้าข่ายหลอกลวงคนหรือไม่ เป็นแชร์ลูกโซ่หรือไม่
ถ้าใช่ ต้องรีบหลีกเลี่ยงให้ไกล เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะตกเป็นผู้ต้องหา ถูกยึดทรัพย์ และถูกสังคมตราหน้าว่า เป็นพวกขี้โกงหลอกลวงประชาชน ซึ่งตราตรึงอยู่ในหัวใจไปชั่วชีวิต

นี่คือข้อคิดในวันนี้ครับ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo