Entertainment

อดีตพระเอกตัวท็อป เล่าวีรกรรมสลับรางรถไฟ เจ้าชู้จนเลิกแฟนนางเอก จุดที่รู้สึกว่าควรพอ

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 22 กุมภาพันธ์ 2567

หนุ่ม สันติสุข เล่าวีรกรรมสลับรางรถไฟแบบพระเอกตัวท็อปแห่งยุค 80s พร้อมเผยเส้นทางรักกว่าจะมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ

ถือว่าเป็นดารารุ่นใหญ่ที่เป็นขวัญใจแฟน ๆ ตลอดกาลจริง ๆ สำหรับ หนุ่ม สันติสุข เรียกได้ว่าเป็นพระเอกในตำนาน เพราะถึงแม้อยู่ในวงการบันเทิงมาในระยะเวลานานก็ยังคงมีงานในวงการบันเทิงอย่างไม่ขาดสาย เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show เจ้าตัวได้เปิดเรื่องราวในชีวิตและเผยถึงความรักแบบทุกซอกทุกมุมในใจเพราะอุ่นใจที่ได้มานั่งคุยมานั่งเล่าที่นี่เป็นที่แรก

เปิดตำราวิชาจีบสาวฉบับ หนุ่ม สันติสุข หนุ่มยุค 80s จีบสาวต้องเริ่มจากส่งสายตาแบบบลูทูธ พร้อมเผยความลับสมัยคู่ขวัญที่กลายมาเป็นคู่จริง? “สันติสุข-จินตหรา” เล่าวีรกรรมความเจ้าชู้ตัวพ่อ สลับรางรถไฟแบบพระเอกตัวท็อปแห่งยุค 80s เลิกกันแต่ต้องทำงานร่วมกัน ในตอนนั้นทำให้มีปัญหาในการทำงานร่วมกันไหม ? และรักเกือบไปไม่รอดเพราะพ่อตาไม่ปลื้ม… เปลี่ยนตัวเองเพื่อครอบครัว ยอมเลิกบุหรี่เพราะลูก และทำให้รู้เลยว่าอาการลงแดงเฉียดตายมันเป็นยังไง

ตามความฝันด้วยการเป็นนักร้องแล้วก็มีวง ซึ่งช่วงนั้นก็เริ่มต้นสร้างตำนานความเจ้าชู้มาพร้อมกันด้วย ?

“เป็นอาชีพที่ทุกคนใฝ่ฝัน ณ สมัยก่อนสาว ๆ จะชอบอยู่หน้าเวที”

สมัยนั้นวิธีจีบสาวเป็นอย่างไร ?

“ยากเลยครับ เพราะว่าหนึ่งไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีโซเชียล เราใช้ระบบส่งสายตาบลูทูธไป เป็นสัญญาณบูลทูธแบบเชื่อมกันแล้วก็ต้องเข้าไปคุยรู้ที่มาที่ไปของเขาให้ได้ จะไปปรากฏตัวอีกเมื่อไรที่เราจะได้พบ เช่น จะไปตลาดปากคลองทุกวันเสาร์อะไรอย่างนี้ต้องรู้ที่มาที่ไป เพราะงั้นจะไม่เจอกันอีกแล้ว หรือบางทีอยู่แฟลต อยู่อพาร์ตเมนต์ ก็บางทีก็ให้เบอร์ห้อง”

คู่ขวัญของการเป็น สันติสุข-จินตหรา เกิดขึ้นอย่างชัดเจนจากไหน ?

“น่าจะเป็นเรื่องหวานมันฉันคือเธอ”

เป็นคู่ขวัญแล้วตอนที่เริ่มที่ขยับมาเป็นคู่จริงคือช่วงเวลาไหน แอบจีบกันตอนนั้นพี่หนุ่มทำอย่างไรบ้าง ?

“ช่วงนั้นพวกซาวด์อะเบาต์เขานั่งอยู่จังหวะนั้นไม่มีใครเลยเอาหูฟังมาใส่หูเขาเปิดเพลง หนึ่งมิตรชิดใกล้ เขาก็ตกใจนิด ๆ แล้วมองมาที่เรา แล้วก็มีแอบจับมือกันในรถ”

พี่หนุ่มบอกว่าห้ามไม่ได้หรอกนะการที่จะไปเที่ยวไปปาร์ตี้ แล้วในฐานะเป็นแฟนอย่างพี่แหม่มเขารู้สึกโอเคไหม ?

“คือห้ามก็ไม่ได้ เพราะผมก็จะหนีไป เขาก็เข้าใจนะว่าวัยรุ่นเนี่ย!! ออกไปเต้นระบำคือไปเที่ยวก็คือไปเต้นระบำคลายเครียด แหม่มเขาก็ชอบนะแต่ว่าด้วยความที่เขาเป็นผู้หญิงแล้วเป็นแบบว่านางเอก คือจะไปตามผับตามบาร์เนี่ยมันก็น่าเกลียด”

ที่ไม่ให้ไปเพราะหวงเขาหรือว่าหวงว่าเราจะไปเจอกับโจทก์เก่าแล้วรถไฟจะชนกัน ?

“ก็ไปเที่ยวกับพี่ซูโม่กิ๊กเจอ เบอร์สองก็บอกว่าให้พี่กิ๊กพาแหม่มกลับบ้านหน่อย แต่เราหนีกลับบ้านเลย”

แล้วแหม่มไม่สงสัยเหรอว่ามาด้วยกัน แต่ทำไมเรากลับก่อน ?

“เขาก็สงสัยครับ”

ความสัมพันธ์กับการเป็นคู่ขวัญมาเป็นคู่จริงมันเดินหน้าไปนานขนาดไหน ?

“ตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนกันก็ 5-6 ปี มันก็เป็นความผิดของตัวของผมเองที่ไม่หยุดเที่ยวผับทุกวัน”

จังหวะที่เลิกกันเสียใจขนาดไหน ?

“มองรูป เห็นหนัง เราก็แบบนึกเสียใจเหมือนกันที่เราไม่ได้นำพาเขาไปจนถึงที่สุด เราก็ไปเอาชีวิตไปเอาเวลาของเขามาช่วงหนึ่ง ทุกครั้งที่แอ็กชันเราก็ต้องกลับมาเป็นตัวละครให้ได้เหมือนเดิม”

หลังจากนั้นยังต้องทำงานด้วยกัน ?

“ใช่ครับ อีกหลายเรื่องเลย”

อะไรคือจุดที่เรารู้สึกว่าพอ ?

“มันมาถึงจุด ๆ หนึ่ง…เอ๊ะ!! แล้วเราจะทำไปเพื่ออะไรถ้าเราไม่มีจุดมุ่งหมายตัวเราก็เสียมาพอแล้วเราก็เริ่มหันมามองครอบครัว คือ แรก ๆ ทั้งบ้านน้องตาล (ภรรยา) หรือน้องตาลเขาเองไม่ได้ไว้ใจอะไรพี่หรอก เขาก็แบบจะจริงเหรอมาแบบชื่อเสียงก็ใช้ได้อยู่ครั้งนี้คบกัน 6-7 ปี”

ซึ่ง 6-7 ปีนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าครอบครัวของน้องตาลยังไม่ได้แฮปปี้พี่หนุ่มด้วย ?

“ทุกครั้งที่มาหรือว่าไปไหนมาไหนก็ต้องแอบต้องแบบหลอกว่ามาหาเพื่อนข้างบ้าน”

หนุ่ม สันติสุข : เราก็บอกเขาว่าเราจะไปขอพ่อนะแต่งงานตอนนั้นไปมีคุณพ่อ มีผม คุณแม่ พ่อตาอยู่ข้างบนไม่ยอมลงมาชั่วโมงหนึ่งเลยกว่าเขาจะลงมา

พอมีครอบครัวพี่หนุ่มหยุดอย่างชัดเจนคือเรื่องการสูบบุหรี่ ?

“สูบเยอะมากกว่าวันหนึ่งก็แบบว่าสองซองสามซองพอมีลูกคนแรกจะเข้าไปอุ้มลูกน้องตาลเขาก็ห้ามไม่ได้เพราะมือเรามีนิโคตินเดี๋ยวซึมเขาไปในลูก เขาก็ให้เราไปล้างมือล้างจนมือแห้งไปหมดเลยแบบเลิกดีกว่าทำให้รู้เลยว่าการลงแดงเป็นอย่างไร นอนก็เพ้อเลือดกำเดาไหล”