Entertainment

ดารารุ่นใหญ่ เลิกจริง ไม่ใช่ข่าวลือ ยุติสถานะสามี-ภรรยา ปิดฉากรักต่างวัย 21 ปี!

ดารารุ่นใหญ่ โอ๊ต วรวุฒิ เลิกจริง ไม่ใช่แค่ข่าวลือ เปิดใจครั้งแรก หลังยุติสถานะสามี-ภรรยา จีน่า อันนา ปิดฉากรักต่างวัย 21 ปี!

เรียกว่าเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับแฟน ๆ ไม่น้อย สำหรับคู่รักต่างวัย โอ๊ต-วรวุฒิ นิยมทรัพย์ ดาราหนุ่มรุ่นใหญ่ และภรรยาสาว จีน่า-อันนา มานัตนันท์ ที่ได้ยุติสถานะสามีภรรยากันแล้ว หลังแต่งงานสร้างครอบครัวกันมาตั้งแต่ปี 2560 แถมมีโซ่ทองคล้องใจถึง 2 คน อย่าง น้องโอลาฟ และ น้องโอเลิฟ ล่าสุด (24 มี.ค.) โอ๊ต วรวุฒิ เปิดใจครั้งแรกในรายการ คุยแซ่บShow ทางช่องOne31

14 โอ๊ต วรวุฒิ 4
โอ๊ต วรวุฒิ

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพี่โอ๊ตและภรรยาได้ยุติความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยาแล้ว ณ ตอนนี้สถานะคืออะไร ?

โอ๊ต : เป็นพ่อและแม่ของลูก

ห็นข่าวมาสักพักแล้ว แต่พี่ก็ยังถ่ายรูปด้วยกันลงไอจี เต้น TikTok เป็นครอบครัวอยู่ ก็คิดว่ามันคงเป็นข่าวเฉย ๆ แต่มันคือเรื่องจริง ?

โอ๊ต : ต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงครับ

ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเลยเหรอ ?

โอ๊ต : จริง ๆ ข่าวออกพฤษภาคม แต่เราเริ่มที่จะคุยกันจริงจังมากขึ้น แล้วสรุปของเราตั้งแต่เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว

1 ปีแล้ว ?

โอ๊ต : ใช่ครับ

วันที่เราทั้งคู่ตัดสินใจจะให้อิสระกันและกัน วันนั้นอารมณ์มันเป็นยังไง ทะเลาะไหม ?

โอ๊ต : พี่ออกตัวนิดนึง การที่คุยวันนี้มันอาจจะมีผลกระทบถึงบุคคลอื่นที่ไม่ได้มานั่งคุยกับเราในวันนี้ อันนี้เป็นเหตุผลในทางของพี่โอ๊ตฝ่ายเดียว ซึ่งพี่คุยกับทางคุณจีน่าแล้วว่า โอเค วันนี้เรามาออกรายการ เราจะคุยประมาณนี้ ได้แค่ไหนพี่ตอบแค่นั้นจะตอบเท่าที่จะตอบได้ บรรยากาศในการคุยวันนั้นเป็นการคุยปกติธรรมดา ใช้สติในการคุยกัน คุยแบบเป็นเพื่อนกันไม่ได้ทะเลาะกัน ในการยุติความสัมพันธ์คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองและตัวลูกด้วย

สำหรับตัวพี่เองคิดว่าเหตุผลหลักในการคืนอิสระให้กับอีกฝ่ายคืออะไร ?

โอ๊ต : จริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูกในการที่เราจะมองเป้าหมายในชีวิตของเรา ต่างคนต่างมีทางของตัวเอง เราคิดว่าตรงนี้เป้าของเรายังต่างกันอยู่ เขาก็ยังมีทางของเขาอยู่ เราก็มีทางของเรา ทางของเราอาจไม่ได้หวือหวาเหมือนกับที่เขาตั้งเป้าในทางเดินของเขาไว้ มันก็เลยสวนทางกันในการดำเนินชีวิต เลิกกันแบบนี้ก็เลยง่ายกว่า

มันเป็นเรื่องความห่างของอายุด้วยไหม ?

โอ๊ต : จะบอกว่าไม่สำคัญเลยไม่ได้นะ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าในช่วงที่เราอายุวัยเดียวกับเขา เราก็คิดเหมือนกับเขานี่แหละ เราอยากไปให้สุดในเส้นทางของเรา มันห้ามไม่ได้ พอมันมาถึงอายุที่มากขึ้น 50 กว่า มันรู้สึกว่าทางเรามันลงเขาแล้ว มันเริ่มหาจุดสงบแล้ว มีความสุขแบบนิ่ง ๆ มันก็เลยสวนทางกัน ทางขึ้น กับทางลง แต่ว่าสิ่งนี้ไม่มีใครผิดใครถูก

14 โอ๊ต วรวุฒิ 1
โอ๊ต วรวุฒิ จีน่า อันนา

ปีนี้พี่โอ๊ต 52 ถ้าเขาอายุน้อยกว่า 21 ปีก็คือ 30 ต้น ๆ เท่านั้นเอง ?

โอ๊ต : ใช่ครับ

วันนั้นของเดือนมีนาคมปีที่แล้ว บทสรุปคือ ?

โอ๊ต : เราลดสถานะของการเป็นสามีภรรยา แล้วมาเป็นพ่อกับแม่ของลูก

แต่เราก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน ?

โอ๊ต : อยู่บ้านเดียวกัน เราแยกห้องนอนกัน คือต้องบอกว่าเราแยกห้องนอนกันมานานแล้วด้วย พอนอนด้วยกันเขาไม่สบายตัว ที่นอนมันพอดีเกินไป ก็แยกไปอยู่อีกห้องก่อนหน้านั้นนานแล้ว แล้วที่มาคุยกันก็คือเรื่องการแยกห้องนอนในสถานะที่มันเปลี่ยนไป

พอเราตัดสินใจเดินออกจากกันและกัน ความรู้สึก มันต้องเซ็นใบหย่าไหม ?

โอ๊ต : ไม่ต้อง เพราะเราไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แค่จัดงานเฉย ๆ ที่เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส ด้วยเราทำธุรกิจด้วย กลัวผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งคนที่ทำธุรกิจมีความไม่แน่ไม่นอน ก็กลัวมีผลในภายภาคหลังก็เลยไม่เลือกที่จะจดทะเบียนสมรสกัน

อยู่บ้านเดียวกัน ต้องปรับตัวยังไง เพราะว่ามันต้องเจอกันทุกวัน ตลอด 5 ปีที่แต่งงานมาเขาคือภรรยา แต่พอวันที่แยกกันแล้ว ?

โอ๊ต : เขาคือเพื่อน แล้วเป็นแม่ของลูก ยังมีความเอื้ออาทร มีความห่วงใยกันในฐานะเพื่อนแล้วก็แม่ของลูกด้วย ฉะนั้นเวลาทำอะไรไปไม่ได้แค่เฉพาะความรู้สึกของเราคนเดียว ต้องแคร์ความรู้สึกของลูกด้วย อีก 2 คนนั่งมองอยู่ เราใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน พื้นที่ส่วนตัวก็แยกห้องนอน ยังไปไหน ทำกิจกรรมทุกอย่างปกติเหมือนเดิม

แล้วลูก 2 คนนอนยังไง ?

โอ๊ต : นอนกับพ่อทุกคืน พ่อติดลูกด้วย ติดกล่อมลูก ติดนอน เขาจะนอนตรงแขนพ่อ

พอเราอยู่ด้วยกันเข้าใจแหละว่าแยกห้อง พอเราทำอะไรด้วยกันลูกเขารู้ไหม ?

โอ๊ต : โอเลิฟมีพูดได้บ้าง แบบอยากให้แม่นอนตรงนี้ ให้พ่อนอนตรงนี้ แล้วลาฟกับเลิฟก็นอนตรงนี้ อันนี้มันเป็นคำที่บางทีก็สะเทือนใจเรา บางทีเลิฟจับมือพ่อกับแม่มาแล้วบอกว่า เลิฟอยากเห็นพ่อกับแม่รักกัน แล้วเลิฟจะมีความสุข เราก็น้ำตาไหล มองหน้ากันกับคุณจีน่า ซึ่งมันก็สะเทือนใจ เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ข้างใน แต่ว่าในหน้าที่ของการเป็นพ่อเป็นแม่ เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เมื่อถึงวันนึงที่มันสมควร หรือดูวุฒิภาวะที่มันไม่กระทบกับเขามากเราจะพูดความจริงกับเขา เราจะค่อย ๆ บอก ตอนนี้เรากำลังดูเขาอยู่ว่ามันเหมาะสมแค่ไหน

14 โอ๊ต วรวุฒิ 3
โอ๊ต วรวุฒิ

พี่ว่าอายุเท่าไหร่เราถึงจะเปิดใจคุยกับเขาได้ ?

โอ๊ต : สัก 10 ขวบถึงค่อยบอก แต่ว่าตอนนี้เราพยายามสร้างบรรยากาศในครอบครัวให้มันดูปกติที่สุด

ไปไหนก็ยังไปด้วยกันอยู่ ล่าสุดยังไปงานแต่งงานลูกพี่ผัดไทอยู่เลย ?

โอ๊ต : ใช่ยังไปด้วยกัน ก็ปกติเราเป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์ทุกอย่างก็ปกติ ดูแลกันในครอบครัว มันแค่แยกสถานะของความเป็นส่วนตัวออกไป แล้วลดสถานะของความเป็นสามีภรรยา

พอมันเป็นแบบนี้มันสบายใจกว่า ?

โอ๊ต : สบายใจกว่า หมายถึงว่าเราไม่ต้องคาดหวังในเรื่องส่วนตัวของเขา บางสิ่งบางอย่างที่เราคาดหวังแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิด เรื่องพวกนี้ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะว่าเขาก็สามารถใช้ชีวิตเขาได้เต็มที่ในส่วนของเขา เราก็สามารถใช้ชีวิตในส่วนของเราได้ แล้วมีหน้าที่ร่วมกันคือรับผิดชอบในเรื่องของลูก

มีบางวันที่พี่อยากจะรู้ไหมว่าเขาคุยกับใครไหม คบกับใครไหม หรือไม่เลย ?

โอ๊ต : เฉย ๆ เราปล่อยชีวิตให้เขาอิสระเลย ก็มีพอรู้อยู่บ้างแหละ เขาไม่ได้ปิด แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อลูกไง โฟกัสของผมตอนนี้หลัก ๆ เลย คือความรู้สึกของลูก แต่ก่อนยังมีความรู้สึกของตัวเองบ้างนะ อยากมีนู้นอยากไปนี่ อยากอะไรต่ออะไร แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ความรู้สึกของตัวเองคือลูกอย่างเดียวเป็นที่ตั้งเลย

แบ่งเวลาในการดูแลลูก ๆ ยังไง ?

โอ๊ต : ตอนนี้เวลางานประจำของผม คือ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี อาจจะมีเลยไปวันศุกร์บ้าง แต่ไม่ประจำ เวลานี้เขาก็จะช่วยดูแลลูก ตอนเช้าไปโรงเรียน แต่ว่าเราจะมีแม่บ้านด้วยมาคอยซัปพอร์ตอีกทีนึง พอ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็จะเป็นของเราฟูลไทม์เต็มที่เลย ออกต่างจังหวัดไปหาคุณย่าบ้าง ไปทำกิจกรรมบ้าง ลุยจักรยานอยู่ท้ายรถเรียบร้อย เขาชอบอะไรลุย ๆ

แสบเท่าพ่อไหม ?

โอ๊ต : พ่อไม่แสบ แต่ตัวเล็กแสบ นิสัยแบบโฉ่งฉ่าง เอาเรื่อง ใจร้อน มือไวใจถึง แต่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ตรงไปตรงมา แต่คนโตเนี่ยจะมีชั้นเชิง มีเล่ห์เหลี่ยม มีอะไรกับน้อง แต่ก็แกล้งกันทั้งวัน

ตีไหม ?

โอ๊ต : ตี แต่ไม่ได้ตีด้วยอารมณ์นะ ตีด้วยเหตุผล

ไปส่งลูก ๆ ที่โรงเรียนทำไมต้องร้องไห้ ?

โอ๊ต : คิดถึง แต่ก่อนเราเป็นผู้ชายใจแข็ง ไม่ค่อยร้องไห้กับสถานการณ์ต่าง ๆ แต่พอมาเจอเรื่องลูกมันเซนซิทีฟ แค่อ่านข่าวเด็กคนอื่นแล้วคิดถึงลูกก็ร้องไห้

14 โอ๊ต วรวุฒิ 5

ฟังดูรักลูกมาก แต่ทำไมมีลูกช้าสุดในกลุ่ม ?

โอ๊ต : นั่นนะสิ คือไม่เคยคิดจะมีลูกเหมือนพี่พีเคนี่แหละ หมายถึงว่าคนที่เป็นครอบครัวเราแต่ก่อน เราเคยคิดจะมีลูกด้วยกัน แต่พอมันอายุเยอะความต้องการมันหายไป เราเคยคิดจะมีลูกตั้งแต่อายุ 20 ปลาย ๆ พอมันผ่าน 30 กว่า 40 กว่า มันไม่อยากมีแล้ว แต่พอมาเจอคนที่แบบว่าเขาก็อยากมี มันก็เลยจุดประกาย ก็เอาสิ เผื่อได้ ทีแรกคิดว่าจะเอาแค่ผู้หญิงคนเดียวพอ พอผู้ชายมาก็จะเอาเด็กผู้หญิง แต่ก็ไม่ได้

อนาคตเอาอีกคนไหม ?

โอ๊ต : ไม่เอา

แล้วตอนไหนที่พี่พยายามขอหลานของพี่ชุมาเลี้ยง ?

โอ๊ต : ตอนพั้นซ์ชี่ 5-6 ขวบ แล้วเราก็ไปขอมาเป็นลูกบุญธรรมได้ไหม ไม่งั้นป่านนี้ก็ไม่มีลูกหรอก ชอบเด็ก รักเด็กผู้หญิง ไม่รักเด็กผู้ชาย เจอ 2 เลย แต่ความรักของพ่อกับแม่ พอได้มาแล้วมันไม่แยกเพศ

ตอนแรกเกิดมามันเป็นยังไง ความรู้สึกเราเปลี่ยนไปเลยไหม ?

โอ๊ต : มันตั้งตัวไม่ถูก มันมีเวลาตั้งตัว 9 เดือน แต่พอได้มาจริง ๆ แล้วมันหวิว จริงเหรอ มันงง ๆ ตื่นเต้น ลูกเราออกมาจะหน้าตาเป็นยังไง จะเหมือนใคร มันลุ้นไปหมดทุกอย่าง คนที่สองไม่เท่าคนแรกนะ คนแรกลุ้นหนักสุด ออกมาจะปกติไหม จะนู้นนี่นั่นหรือเปล่า คิดกังวลไปหมด ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลย บางทีเกิดอะไรขึ้น เวลาผ่านไป 10 ปี กูมีลูก 2 คนมันเป็นไปได้ยังไง อยู่ ๆ ก็งง ๆ

แฮปปี้อยู่กับลูกแหละ ?

โอ๊ต : แฮปปี้มากครับ แต่ก่อนไม่มีความคิดเลย เวลามีลูกมันเหนื่อยก็จริงนะ แต่มันจะมีความสุขขนาดนี้

เป็นห่วงพี่วันเดียวจริง ๆ คือวันที่ต้องบอกลูก เตรียมประโยคไว้ไหม ?

โอ๊ต : ตอนนี้เตรียมโรงเรียนไว้ให้ลูกในอนาคตว่าสักวันนึงเราจะส่งลูกไปเรียนที่ไหน แล้วเราจะคุยกับลูกยังไง แล้วเราจะคุยกับลูกเรื่องของสถานะพ่อกับแม่เนี่ยได้ตอนไหน แค่ไหน ก็มีเตรียม ๆ ไว้ แต่ไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย แค่ดูความแข็งแรงของเขาก่อนว่าเราสามารถคุยกับเขาได้แค่ไหน

สิ่งที่ดีกว่านั้นคือเราอยู่ด้วยกันแล้วเขาเห็นว่าเรารักกัน หมายถึงพ่อแม่รักกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน บางบ้านไม่ได้เลิกกันแต่ทะเลาะกันทุกวัน อันนั้นรู้สึกแย่กว่า ?

โอ๊ต : บรรยากาศของการอยู่ร่วมกัน บรรยากาศที่เขาอยู่กับเราด้วยมันสำคัญมาก

14 โอ๊ต วรวุฒิ 2
โอ๊ต วรวุฒิ

โรงแรมที่บุรีรัมย์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?

โอ๊ต : ตอนนี้ดี โรงแรมดูแลตัวเองได้ดีเลยแหละ

แต่ตอนนั้นพี่จะขาย แล้วตอนนี้ยังอยากขายไหม ?

โอ๊ต : ตอนนี้ยังติดสัญญาขายอยู่กับนายหน้าเจ้าหนึ่งถึงปลายปี ตอนนี้มันอยู่ที่ว่าข้อตกลงที่เราคุยกันพอใจแค่ไหน ตอนนี้เราไม่ได้เร่งรีบเหมือนตอนช่วงก่อนแล้ว แต่ก่อนเราแบกภาระเยอะ ทั้งร้านอาหาร ทั้งอะไร ตอนนี้รู้สึกว่ามันดูแลตัวเองได้ดีแล้ว ถามว่ามีความต้องการอยู่ไหม ในใจลึก ๆ เอง ถ้าเจอดีลที่มันจบ ดีลที่ตกลงกันด้วยดี ผมก็ยังยินดีอยู่ในข้อเสนอเดิม

ถ้าขายได้ มันจะเป็นเงินก้อนโตอยู่ในมือเราเลย เอาไปทำอะไร ?

โอ๊ต : ให้ลูกครับ

ไม่ได้มีแบบพ่ออยากได้มอเตอร์ไซค์วินเทจ ?

โอ๊ต : แต่ก่อนมันมีแต่ความต้องการของเราเองอย่างเดียวเลย แล้วมันไม่ได้มีความสุขด้วยนะ มันมีแค่ตอนได้ สักพักก็เบื่อ เปลี่ยน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าอะไรที่เป็นของลูกได้ เป็นความมั่นคงของลูกได้ เราจะให้ลูกทั้งหมดเลย สิ่งที่เรามี สิ่งที่เราทำมาทั้งหมด วางแผนไว้ว่านี่เป็นของโอลาฟ โอเลิฟ ทั้งหมด ในอนาคตไม่ได้หวังว่ามันจะสามารถหล่อเลี้ยงเขาไปตลอดชีวิตนะ แต่มันอาจจะสร้างโอกาสที่ดีให้กับเขาได้ในเวลาที่เขาต้องการ

แสดงว่าถ้าขายได้เงินก้อนโตมาก็เก็บไว้ให้เขาเรียน ?

โอ๊ต : ใช่ เก็บไว้

ณ วันนี้โสด พ่อลูก 2 ?

โอ๊ต : ครับผม

ยังมองหาอยู่ไหม คำว่าความรักเนี่ย ?

โอ๊ต : จริง ๆ ไม่เคยเข็ดนะ ไม่เคยเข็ดเรื่องความรักเลยนะ อยากมีความรักตลอดเวลา ความรักมันเป็นสิ่งที่ดี สวยงามอยากมีความรักแบบชีวิตคู่ ลุง ป้า มีความรักแบบคนที่เป็นเพื่อนกัน อยากมีมาก แต่มีไม่ได้ ติดเรื่องลูกยังเล็กอยู่ อย่าคิดว่ามีแฟนเลยนะ ตอนนี้คนคุยยังไม่มีเลย

พี่ปิดประตูใส่เขาใช่ไหม ?

โอ๊ต : เราคิดว่าเรายังไม่พร้อม

ถ้าเกิดมีใครอยากไลน์มาคุยด้วยตอนนี้ หน้าตาต้องเป็นไง ?

โอ๊ต : หน้าตาไม่เกี่ยวแล้ว ขอคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ อยู่ในทิศทางเดียวกัน อายุเยอะหน่อยก็ดี

คำว่าเยอะคือ ?

โอ๊ต : มันมั่นคงมากกว่า สัก 35 ขึ้น

คิดว่าจะให้เวลาในความเป็นโสดของตัวเองเท่าไหร่ ?

โอ๊ต : อีกสัก 5 ปี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่มีคนที่อยู่ด้วยกันแล้วมันมีความสุขจริง ๆ หรือไม่ได้อยู่ในความคิดความต้องการใกล้เคียงกันก็ไม่เอานะ เพราะไม่อยากเป็นทุกข์

อีก 5 ปีน้องเขาโตขึ้นแล้ว มันมีโอกาสที่จะกลับมารีเทิร์นไหม ?

โอ๊ต : ในอนาคตพูดไม่ได้เลย แต่ในปัจจุบันเราคิดว่าเราอยู่แบบนี้เราสบายใจกว่า

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo