ฟังจากปาก ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เล่าสาเหตุ 4 ปี ย้าย 4 พรรค ถูกซื้อตัวหรือเปล่า?

โดย The Bangkok Insight Editorial Team 22 กุมภาพันธ์ 2566

ฟังจากปาก ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เล่าสาเหตุ 4 ปี ย้าย 4 พรรค ถูกซื้อตัวหรือเปล่า? ยันว่าไม่ใช่ เป็นแค่จิตอาสาที่อยากจะทำมาสิ่งดีที่สุดให้กับประเทศชาติ อย่าไปคิดว่าถูกซื้อตัว เชียร์ตนดีกว่าว่าได้รับโอกาสอยู่ในพรรคที่ใหญ่ขึ้น

เป็นอีกหนึ่งดาราที่ผันตัวเข้าสู่เส้นทางการเมืองด้วยเช่นเดียวกัน สำหรับ ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นักแสดง นักร้องชื่อดัง และนักการเมือง วัย 38 ปี ซึ่งไม่นานมานี้เจ้าตัวก็เพิ่งขึ้นเป็น ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ แบบหมาด ๆ เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮากันไม่น้อยเลย แต่หลายคนก็แอบสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวถึงได้ย้ายพรรคกันเมืองบ่อยมากขนาดนี้

ฟังจากปาก ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เล่าสาเหตุ 4 ปี ย้าย 4 พรรค ถูกซื้อตัวหรือเปล่า?

ล่าสุด (21 ก.พ.) หนุ่มฟิล์ม ได้เปิดใจถึงเส้นทางการเมืองว่าจริง ๆ แล้วไม่มีฝั่งไหนหรอก ทุกคนอยู่ฝั่งประชาชนหมด และถึงแม้วันนี้ตนย้ายมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นพรรคที่อยู่กับประชาชนเหมือนกัน มาด้วยอุดมการณ์ ตนได้โอกาสจากผู้ใหญ่เพื่อมาแสดงบทบาทต่าง ๆ พูดเสมอว่าถ้ามีโอกาสอยากจะตอบแทนสังคม แฟน ๆ ด้วยการที่หาช่องทางใหม่ ๆ นำเงินเข้าประเทศไทยให้ได้

ที่หลายคนมองว่าย้ายไปหลายรอบมาก ๆ ฟิล์ม บอกว่ามันดีด้วยซ้ำ บางกลุ่มเขาอาจจะมองว่าแสดงว่าตนมีความสามารถ พรรคอื่น ๆ ดึงไปร่วมงานเยอะ แต่ตนเองมองว่าทางไหนมีโอกาสให้ทำงานมันเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่ทุกพรรคที่จะผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ วงการบันเทิง หรือวัฒนธรรม หรืออีกด้านที่ถนัดคือเรื่องเทคโนโลยี ไม่ใช่ทุกพรรคที่จะผลักดัน

จุดยืนไม่แข็งแรงพอ 4 ปี 4 พรรค จริง ๆ ตนมีจุดยืนแข็งแรงมาก คืออยากให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แม้ว่าวันนี้ได้รับโอกาสมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ทุกพรรคเปิดโอกาสให้ แต่ไม่อยากมองว่าเปลี่ยนหลายพรรค มองว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น มีโอกาสได้ทำ มันดีกว่าถ้าเราคิดว่าหาช่องทางการเงินได้ ประเทศไทยแข็งแรงในทางด้านใด

ถ้ามองว่าคนบันเทิงเป็นแค่ไม้ประดับ แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเขาแสดงศักยภาพมาให้ประชาชนเห็นมากน้อยแค่ไหน แต่ตนอยู่มานานแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2560 มันทำให้คนมั่นใจ เชื่อมั่น และเชื่อมือว่าตนน่ะเป็นของจริง ไม่ใช่แค่ไม้ประดับ เบื้องหน้าประชาชนอาจจะมองว่าเปลี่ยนหลายพรรค แต่เบื้องหลังทุกพรรครู้จักกันหมด และแต่ละพรรคก็ดีหมดเลยทำเพื่อให้กับสังคม ไม่อยากให้มองว่าย้ายมากน้อยแค่ไหน แต่มันแค่หนึ่งโอกาสที่ได้รับและตรงกับสิ่งที่จะทำ

สำหรับการเตรียมพร้อมในรอบนี้ที่จะลง ตนได้อยู่ในทีมนโยบาย ตนได้ดูแลซอฟต์พาวเวอร์และสตาร์ทอัป กลุ่มวัยรุ่นจะได้ประโยชน์จากสิ่งที่ตนคิดออกมาเพราะเป็นรุ่นเดียวกัน ที่ย้ายพรรคเกี่ยวกับเม็ดเงิน ซื้อตัวหรือเปล่า แต่ยันว่าไม่ใช่ เป็นแค่จิตอาสาที่อยากจะทำมาสิ่งดีที่สุดให้กับประเทศชาติ อย่าไปคิดว่าถูกซื้อตัว เชียร์ตนดีกว่าว่าได้รับโอกาสอยู่ในพรรคที่ใหญ่ขึ้น

การเปลี่ยนพรรคจะเสียคะแนนไหม ตนมองเป็นเรื่องปกติมาก ๆ คำว่าประชาธิปไตยต้องอยู่ในพื้นฐานที่พูดคุยกันได้ วันนี้สมัยใหม่แล้ว อดีตเขาเคยทำอะไรไม่ดี ตนเคยเป็นคนนึงที่ด่าให้กับทุก ๆ คน แต่ในอนาคตที่กำลังจะปรับเปลี่ยน มันต้องก้าวไปสู่ความเจริญ ไม่ขัดแย้งกันที่จะเป็นประโยชน์กับทุก ๆ คน อย่าเอาอารมณ์ไปร่วมกับมัน เราจะไม่ได้พรรคที่ทำเพื่อประชาชนเลย จะได้แค่พรรคของใครคนใด คนนึง ถ้าเปิดใจเริ่มต้นใหม่มองนโยบายว่ามีอันไหนที่ตรงใจกับเรา แล้วก็เลือกที่ตรงใจ