ส่อคดีพลิก? คนขับแกร็บยันดาราสาวไต้หวัน อ้างถูกรีดเงิน 2.7 หมื่น เมาโวยวายเอง จี้พูดความจริง ด้านตำรวจเร่งหาหลักฐาน
ความคืบหน้ากรณีดาราสาวชาวไต้หวัน อ้างว่า โดนตำรวจไทยรีดทรัพย์ 27,000 บาท ขณะเดินทางกลับที่พักช่วงตี 1 กว่า ของวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา วานนี้ (27 ม.ค.) ตำรวจเรียกคนขับแกร็บมาสอบปากคำแล้ว ยืนยันสาวและเร่งตรวจกล้องวงจรปิดรอบพื้นที่เพื่อหาความจริง
- เปิดเรตติ้ง ทุบโต๊ะข่าว ในวันที่ไร้เงา พุทธอภิวรรณ ต้องออกแรงทุบมากกว่าเดิม
- อุ๊ย! หลุดคำใบ้เพิ่ม คู่รักดาราผัวเอียงซ้าย แอบมีบ้านเล็ก ไม่ใช่คู่ ป-ก หรือจะเป็นคู่นี้?
- ชัดเจนว่า 2 มาตรฐาน! นาย กับ มาร์ช เรียก ‘ใบคะ’ เหมือนกัน แต่ ใบเฟิร์น ขานรับต่างกัน
คนขับรถยนต์มาสด้า 2 สีแดงคัน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแกร็บ ที่รับนักแสดงสาว อันยู๋ชิง จาก RCA มาที่ย่านห้วยขวาง แต่มาเจอด่านตรวจความมั่นคงที่หน้าสถานฑูตจีน เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง ในฐานะพยานกรณีดาราสาวไต้หวัน อ้างว่าถูกตำรวจไทยรีดทรัพย์ 27,000 บาท โดยมีผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และผู้กำกับเข้าร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง
โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาเปิดเผยว่า ราวตี 2 กว่าของวันที่ 4 มกราคม นักท่องเที่ยวได้เรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่นให้ไปรับที่อาร์ซีเอ ปักหมุดปลายทางที่ห้วยขวางเทอเรส ผู้โดยสารมีทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 1 คน สังเกตได้ชัดเจนว่า ทุกคนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ตอนไปรับที่ RCA เขาจอดห่างจากหมุดไปประมาณ 30 เมตร แล้วบอกให้เดินมา ผู้ชายคนหนึ่งที่พอจะพูดภาษาไทยได้ ก็พูดจาโมโหใส่อารมณ์ ตวาดใส่เขา พอขึ้นมาบนรถกลิ่นเหล้าหึ่งแรงมากจนต้องขับรถแบบเปิดกระจก และเขาจำผู้หญิงคนนี้ได้แม่น เพราะเมาแล้วโวยวายเสียงดังที่สุดในรถ
โดยออกจากอาร์ซีเอใช้ถนนพระราม 9 แล้วเลี้ยวซ้ายที่แยก อ.ส.ม.ท. เข้าถนนรัชดาภิเษก ก็มาเจอด่านตรวจที่หน้าสถานทูตจีน แล้วมีตำรวจเรียกขอตรวจ จึงเปิดไฟในรถ ตำรวจก็ถามว่าจะไปไหน จึงบอกไปว่าเป็นแกร็บ ตำรวจก็บอกว่าขอตรวจเช็กผู้โดยสาร และจึงหันไปพูดภาษาอังกฤษกับผู้โดยสารว่า Police Check ซึ่งตอนนั้นผู้หญิงมีอาการไม่พอใจชัดเจน ประมาณว่าไม่อยากให้ตรวจค้น และเมาด้วย ตำรวจก็พยายามเชิญลงจากรถ ผู้โดยสารก็ทำท่าไม่อยากลง แต่สุดท้ายก็ลง ไปยืนให้ตำรวจตรวจค้นอยู่ที่ท้ายรถฝั่งซ้าย โดยรถจอดอยู่เลนซ้ายสุด
ซึ่งระหว่างที่ตรวจค้น มีตำรวจเข้ามาตรวจค้นทั้งหมด 3 นาย โดยตำรวจได้ให้ผู้โดยสารเปิดกระเป๋า และส่องไฟฉายลงไป ให้ผู้โดยสารเป็นคนรื้อกระเป๋าให้ดูเอง ไม่ได้แตะต้องข้าวของ และแตะตัวเฉพาะผู้โดยสารผู้ชายเท่านั้น ใช้เวลาตรวจค้นนานประมาณ 30 นาที ซึ่งเขาไม่ค่อยได้หันไปมอง แต่จะมองตอนที่ผู้หญิงโวยวายเท่านั้น และเธอโวยวายเป็นภาษาจีน เสียงดังใส่ตำรวจ และพยายามจะพูดภาษาไทยด้วย ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร และก็ไม่เห็นว่าผู้โดยสารจะถ่ายคลิปหรืออะไรด้วย
จากนั้น ผู้โดยสารผู้ชายที่พูดไทยได้ ได้เดินมาหาเขาแล้วจ่ายเงิน 80 บาท แล้วก็บอกให้ไป ๆๆๆ ตอนนั้นยังคิดอยู่เลยว่าขาดทุน เพราะค่าโดยสารทั้งหมด 89 บาท แต่เขาก็ขับรถออกมา พร้อมยืนยันว่า ระหว่างที่จอดรถอยู่ในด่าน ไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ ตำรวจตรวจค้นปกติ เป็นที่โล่งริมถนน ส่วนผู้โดยสารมีบุหรี่ไฟฟ้าจริงหรือไม่ ไม่ได้สังเกต
เขายังบอกด้วยว่า หลังมีข่าวก็รู้สึกคุ้นหน้านักท่องเที่ยวผู้หญิง จึงมาเปิดดูในไทม์ไลน์แอปพลิเคชั่น ซึ่งเขามักจะจำลูกค้าประเภทที่เมาโวยวายได้แม่น เลยคิดว่าใช่แน่ พอตำรวจเรียกมาจึงให้ความร่วมมือ เพราะมองว่านักท่องเที่ยวหญิงให้ข่าวเกินไป ทำให้เสียภาพพจน์ประเทศไทย ส่วนที่เจ้าตัวออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมว่าไม่ได้ดื่ม เขายืนยันได้ว่า เมา 100%
และบอกด้วยว่าอยากบอกให้นักท่องเที่ยวสาวออกมาพูดความจริง เพราะตอนนั้นเธอมีอาการเมา ส่วนกล้องหน้ารถตน บันทึกเสียงได้ แต่ไฟล์ภาพถูกลบไปแล้ว เพราะเขาจะฟอร์แมตทุก 7 วัน แต่ก็ได้นำเมมโมรี่การ์ดให้ตำรวจนำไปตรวจสอบแล้ว
ขณะที่ พันตำรวจเอกยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง บอกว่า เบื้องต้นได้หลักฐานมาพอสมควร เมื่อสื่อถามว่ามั่นใจในผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่ว่า ไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์ ก็บอกว่า ในส่วนนี้อยู่ที่พยานหลักฐาน รอพยานหลักฐานชัดเจนก่อน จึงจะสามารถสรุปได้
ส่วนที่ดาราสาวชาวไต้หวันได้โพสต์อินสตาแกรมทำนองว่าให้ตำรวจไทยหยุดใส่ร้ายเธอได้แล้ว และให้ตำรวจไทยเปิดหลักฐานกล้อง CCTV ออกมา ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง ระบุว่า ขอรอความชัดเจนแล้วจะปล่อยทีเดียว
ขณะที่พลตำรวจตรี อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ซึ่งมาประชุมร่วมกับพันตำรวจเอก ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา บอกว่า ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ได้แก่ กล้องวงจรปิด นำมาเชื่อมโยงข้อมูลกันกับข้อมูลคำบอกเล่าจากพยาน ซึ่งดำเนินการไปได้กว่า 80% แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไรขอให้รอพยานหลักฐานจนครบก่อน ช้าสุดน่าจะสรุปผลได้ภายใน 2 วัน
ซึ่งพลตำรวจตรี อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า กล้องวงจรปิดที่ได้ขณะนี้มี 3 จุด จุดแรกที่หน้าสถานฑูตจีน จุดที่ 2 บริเวณบนสะพานลอยซึ่งกล้องตัวนี้จะส่องเข้าไปในซอยรัชดา 3 ที่ สาวไต้หวันอ้างว่าเข้าไปจ่ายเงินให้ตำรวจไทย และจุดที่ 3 ปากซอยรัชดา 3 ที่เห็นว่าสาวไต้หวันมากับเพื่อนชายอีก 3 คน และขับเข้าด่านตรวจราว 02.27 น.
มีรายงานว่ากล้องวงจรปิดระยะไกลที่เห็นภาพกลุ่มนักท่องเที่ยว จะเห็นตั้งแต่รถเข้ามาจอดและทั้ง 4 คน ลงมาจากรถแล้วยืนอยู่บริเวณด่านตลอด กระทั่งเรียกรถแท็กซี่สีส้มออกไป ไม่มีการเดินเข้าไปในซอย แต่ด้วยระยะกล้องที่ไกล ก็ไม่สามารถระบุได้ว่ามีการยื่นเงิน หรือเจรจากันว่าอะไร ดังนั้นจึงต้องรอพยานหลักฐานอื่น ๆ ประกอบเพื่อไขข้อสงสัยทุกจุด
ในเรื่องนี้พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับว่าต้องทำความจริงปรากฎให้ได้ว่ามีการเรียกรับเงินตามที่ผู้โพสต์ได้กล่าวอ้างไว้หรือไม่ ซึ่งหากพบว่าตำรวจทำความผิดก็จะต้องดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญา แต่หากฝ่ายผู้โพสต์ โพสต์ข้อความไม่เป็นควาทจริง ก็จะต้องดำเนินคดีเช่นกัน เนื่องจากทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากเป็นคดีที่เกิดขึ้นในไทย และสามารถดำเนินคดีได้แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะอยู่ต่างประเทศ
ทั้งนี้ เมื่อนำข้อมูลที่ทั้งดาราสาวไต้หวัน และข้อมูลของตำรวจมาเทียบเคียงกัน จะพบความแตกต่างหลายจุด โดยอ้างอิงจากการแปลของเพจหนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว เช่น ตำรวจค้นกระเป๋าของเธอ แต่ตำรวจบอกว่าไม่มีการค้นตัวหรือแตะต้องตัวดาราสาว
เธออ้างว่าตำรวจขอดูพาสปอร์ต และวีซ่า เธอชี้แจงว่าขอ VOA ถูกต้อง แต่ตำรวจบอกว่า เธอไม่มีพาสปอร์ต และให้เพื่อนกลับไปเอา แต่นานมากตำรวจปล่อยตัวไปก่อนเพราะใกล้ด่านเลิก
ดาราสาวไต้หวันอ้างว่า ร้องขอให้ตำรวจปล่อยตัวจนแทบจะกราบ มีการข่มขู่พาไปโรงพัก แต่ก็ไม่ได้พาไป และยืนยันไม่ได้เมา ขณะที่ตำรวจบอกว่า เธอเมาโวยวาย สื่อการกันไม่เข้าใจ และได้ตักเตือนเรื่อง บุหรี่ไฟฟ้า เธออ้างว่าตำรวจพาไปจุดลับตาคนแล้วรีดไถเงิน 27,000 บาท แต่ตำรวจยืนยันว่าไม่มีการเรียกเงิน แค่คุมตัวเพื่อรอพาสปอร์ตเท่านั้น
นอกจากนี้ หลังจากจ่ายเงินแล้วเธอยังบอกด้วยว่า มีกลุ่มนักท่องเที่ยวสาวเกาหลีอีก 5 คน ที่อยู่ตรงนั้น น่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารเลยยังไม่ได้ปล่อยตัว ซึ่งตำรวจไม่ได้พูดถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวอื่นที่คุมตัวอยู่ด้วย
ขอบคุณที่มา เรื่องเด่นเย็นนี้
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หลังจบรัก 5 ปี อั้ม-พก ล่าสุด เจอหน้ากันโดยบังเอิญ เผยปฏิกิริยาเป็นอย่างไร?
- ฮือฮา! พิ้งกี้ สาวิกา ประเดิมงานแรก หลังได้รับอิสรภาพ โผล่ขึ้นปกนิตยสารดัง
- ไฮโซแชมป์ ฟาดอดีตภรรยา อย่าเอาลูกไปยุ่งกับธุรกิจสีเทา เจอชี้เป้าจนต้องลบไอจี
