สถาบันโรคทรวงอก แนะผู้ป่วยโรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน สังเกตอาการดังต่อไปนี้ ต้องพบแพทย์ทันที หากได้รับการรักษาล่าช้า อาจทำให้เสียชีวิตได้
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคหัวใจกำเริบเฉียบพลัน (Heart attack) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตในผู้ใหญ่ ซึ่งพบได้บ่อยตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป สาเหตุอาจเกิดได้จากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดหัวใจตีบ หรืออุดตันชนิดเฉียบพลัน
สำหรับอาการของโรค ได้แก่ เจ็บหน้าอกบริเวณซีกซ้าย อาจจะมีร้าวไปที่แขนซ้ายหรือร้าวไปที่กราม ร่วมกับมีอาการเหงื่อออก มือเท้าเย็น วิงเวียน จะเป็นลม หมดแรง คลื่นไส้อาเจียน หายใจไม่อิ่ม โดยพบว่า ผู้ป่วยที่เสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาล สาเหตุส่วนใหญ่เป็น ผลมาจากหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้เกิดโรคดังกล่าว คือ การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะอ้วนลงพุง การบริโภคอาหารที่มีไขมันทรานส์ แต่อย่างไรก็ดี อาการหัวใจกำเริบเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมาได้
นายแพทย์เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการ สถาบันโรคทรวงอก กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ และทุกเวลา เช่น ขณะออกกำลังกาย หรือแม้กระทั่ง นอนหลับพักผ่อน
สาเหตุของโรค เกิดจากมีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งและหนาตัว จากการมีคราบไขมัน (Plaque) และเมื่อเกิดการปริแตกของผนังด้านในหลอดเลือดบริเวณนั้น ทำให้มีลิ่มเลือดมาจับตัวเป็นก้อน จนเกิดการอุดกั้นของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อขาดเลือดจนกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก และถ้ามีการเต้นหัวใจผิดจังหวะของหัวใจห้องล่างชนิดร้ายแรง อาจส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตฉับพลันได้
ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการแต่ยังรู้สึกตัวดี ต้องรีบมาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ส่วนในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งหน้าจะต้องมีความรู้เรื่องการกู้ชีพขั้นพื้นฐาน (CPR) และรู้จักการใช้เครื่องกระตุกหัวใจ (AED) ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล
ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข มีระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ที่เรียกว่าระบบช่องทางด่วน (fast track) โดยติดต่อหมายเลข 1669 เพื่อนำส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเบื้องต้น และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูง เพื่อรับการรักษาทันที
ขณะที่การรักษา จะให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือการสวนหัวใจ เพื่อเปิดหลอดเลือด ซึ่งมีระยะเวลาที่เป็นนาทีทอง (golden period) 120 นาทีในการเปิดหลอดเลือดเลือดหัวใจ เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต
ภายหลังการรักษาผู้ป่วยต้องรับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ด้วยการมาพบแพทย์ตามนัด ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
หากพบว่าอาการผิดปกติ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก เวลาออกแรง เหนื่อยง่าย หอบเหนื่อยนอนราบไม่ได้ ขาบวมกดบุ๋มให้รีบมาพบแพทย์ทันที
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- แห่อาลัย ‘พรศักดิ์ ส่องแสง’ นักร้องลูกทุ่งหมอลำ หัวใจวายเฉียบพลัน
- กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลังฉีดไฟเซอร์ อิสราเอลมากกว่าสหรัฐ 1.7 เท่า ผู้ชายอายุน้อย เสี่ยงสุด
- เช็คอาการด่วน!! เด็กฉีดวัคซีนโควิด-19 สัญญาณเตือน กล้ามเนื้อหัวใจ-เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ