กรมควบคุมโรค เผยคนไทยติดเค็ม กินเกลือเกินมาตรฐานโลก 2 เท่า รณรงค์ประชาชนบริโภคเกลือ-โซเดียม ในปริมาณที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงโรคความดัน และโรคหลอดเลือดหัวใจ
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ความเค็ม เป็นรสชาติที่เกิดจากเกลือ หรือโซเดียมคลอไรด์ ซึ่งร่างกายได้รับโซเดียมผ่านทางการบริโภคเป็นหลัก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ให้คำแนะนำว่าปริมาณโซเดียมที่เหมาะสม ต่อร่างกาย คือ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
แต่ผลการสำรวจของกรมอนามัย กลับพบว่าคนไทยได้รับโซเดียม โดยเฉลี่ยสูงถึง 4,351.7 มิลลิกรัมต่อวัน เกินกว่าค่าที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึงกว่า 2 เท่า ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของระดับความดันโลหิต
ดังนั้นหากประชาชนเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพอย่างแท้จริง ควรจำกัดโซเดียมในอาหารให้น้อยกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อลดระดับความดันโลหิตตัวบนลดลง 2-8 มิลลิเมตรปรอท และลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคไต เป็นต้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนมีพฤติกรรมสุขภาพเน้นความสะดวกสบาย รวดเร็ว คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพน้อยลง มีแนวโน้มซื้ออาหารมารับประทานเอง และซื้ออาหารกึ่งสำเร็จรูปมากขึ้น
ดังนั้นกรณีที่จะมีการเก็บภาษีความเค็มนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยมุ่งเป้าจัดการผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโซเดียมสูง ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการได้รับโซเดียม ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs)
ข้อมูลจากแผนงานวิจัยนโยบายอาหารและโภชนาการ เพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ แสดงให้เห็นว่าในต่างประเทศที่มีการเก็บภาษีอาหารและ เครื่องปรุงรสที่มีความเค็มเกินเกณฑ์ ได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการกว่าครึ่งปรับปรุงสูตรผลิตภัณฑ์ โดยลดหรือเลิกใช้เกลือ เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ประชาชนบริโภคเกลือลดลงได้ในที่สุด
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า กรมควบคุมโรคจะเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเครือข่ายรณรงค์ลดเค็ม กลยุทธ์หลัก คือ การปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมให้เกิด การผลิต ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง และเกิดผลิตภัณฑ์ ที่มีโซเดียมต่ำ รวมทั้งเพิ่มทางเลือกและช่องทางการเข้าถึงอาหาร ที่ปริมาณโซเดียมต่ำและตั้งเป้าให้ประชากรไทยลดการบริโภคโซเดียมลง 30 % ภายในปี พ.ศ. 2568
