ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่มักจะอ้วนลงพุง ไม่ก็แบกโลกทั้งใบไว้กับนายคนเดียว เพราะหน้าที่การงาน ยิ่งอยู่ในตำแหน่งสูงยิ่งยากจะหนีจากภาวะอ้วนลงพุง และเครียดสะสมไปได้ แต่สำหรับเขาคนนี้ น่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูง และทำงานหนัก เพียงไม่กี่คนที่น้ำหนักแทบไม่ขึ้น แถมหน้าเด็กตลอดกาล
“สมัยอยู่มหาวิทยาลัยกับตอนนี้น้ำหนักไม่ค่อยเพิ่มเท่าไหร่ ยัง 66 กิโลกรัม กับความสูง 174 เซนติเมตรเหมือนเดิม” ทำให้หุ่นของ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท ปตท. น้ำมัน และการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือพีทีทีโออาร์ อาจจะแตกต่างจากผู้บริหารระดับสูงคนอื่น
นอกจากน้ำหนักจะคงที่แล้ว หากใครได้เจอบ่อยๆ จะทราบว่าเขาเป็นผู้บริหารที่ “หน้าตาเด็กกว่าอายุหลายปีดีดัก” แม้จะล่วงเข้าวัย 53 ปีแล้ว
เคล็ดลับของเขา ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเอาเป็นเอาตาย มีเวลาก็กลับไปออกกำลังกายที่บ้าน เดินวิ่ง หรือ วิดพื้นเบาๆ ยกเวทที่บ้านบางครั้งบางหน ไม่มีเวลาก็ไม่ออกกำลังกาย
แต่มีหลักเรื่องการกินเท่านั้น ที่หลายคนนำไปใช้ได้ไม่ยาก “ออกกำลังกายก็ทำตามเวลาจะเอื้ออำนวย ส่วนเรื่องอาหาร ผมไม่เคยคุม” แต่สิ่งที่เขาเป็น คือ มีหลักในการกินอาหารแต่ละมื้อ โดยเฉพาะการกินบุฟเฟ่ต์ที่แตกต่างจากเคล็ดลับในโลกโซเชียลที่มักจะบอกคนอ่านว่ามี “ 8 วิธี 10 หรือ 15 วิธี “ กินบุฟเฟ่ต์ให้คุ้ม อาทิ กินคำเล็กๆ กินอย่างต่อเนื่องห้ามขาดตอน กินน้ำให้น้อยที่สุด เป็นต้น แต่สำหรับเขา เคล็ดลับกินบุฟเฟ่ต์ คือ “กินให้อร่อย และมีความสุข” ตลอดมื้อนั้นพอ
ดังนั้นเวลาไปกินบุฟเฟ่ต์ เขา จะคิดแค่ว่า “กินอย่างไรให้มีความสุข” ก็จะกินแค่นั้น มากกว่านั้น ท้องอิ่มเกินไป ไม่มีความสุขกลายเป็น “ความทุกข์” ก็ต้อง “หยุด” เขา ย้ำว่า “กินเยอะแล้วทรมาน ก็ไม่รู้จะกินให้เยอะเกินไปทำไม ”
หลักนี้มีคนแย้งเขาเสมอว่า “ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ คิดเหมารายหัวไปแล้ว ก็ต้องกินให้คุ้ม” คิดอย่างนี้ไม่ได้ผิด แต่สำหรับอรรถพล กลับมองภาพรวมทั้งหมด “ เราจ่ายรายหัวไปแล้ว กินมากกินน้อย เงินจ่ายไปแล้ว ก็ไม่ได้กลับมา การไปกินมากๆ กลับมีแต่ lost กับ lost เราก็เสียสุขภาพ ความสุขในการกินก็ลดลง กลับทรมานด้วย เพราะกินมากเกินไป ส่วนร้านอาหาร ของก็หมดไป ทรัพยากรก็ถูกใช้อย่างสิ้นเปลือง”
กลับกัน หากกินพอดี เขา กลับคิดว่า จะมีแต่ Win กับ Win เรามีความสุข ร้านมีของเหลือขายคนอื่น ทรัพยากรถูกใช้อย่างพอดีอิ่มสำหรับคน 1 คน
“หลักของผมเป็นอย่างนี้ คือ กินแค่ไหน ก็แค่นั้น เวลากินบุฟเฟ่ต์ ก็เลย ไม่เคยคิดว่า ต้องกินให้คุ้ม เพราะเดี๋ยวร้านจะรวย ”
ส่วนการกินอาหารตามร้านทั่วไป สำหรับอรรถพล เล่าชีวิตประจำวันของเขา ว่า ปกติถ้ากินในบ้านก็จะคุมได้อยู่แล้ว แต่ถ้าไปกินร้านอาหารทั่วไป ก็จะรู้ว่าสั่งแค่ไหนกำลังพอดีสำหรับตัวเอง “ผมมักจะคิดเสมอว่า เก็บท้องไว้กินของอร่อยดีกว่า” ดังนั้นอะไรที่ไม่อร่อย ถ้ากินแล้วไม่ถูกปาก เขาจะไม่ยัดเยียดกินมันจนหมด แต่หากเมนูไหนอะไรอร่อย สั่งมาก็จะกินหมดอย่างมีความสุข
“เวลาผมไปตามร้าน อะไรไม่อร่อย เหลือก็ปล่อยให้เหลือไปเลย ไม่เสียดาย เพราะรู้ว่ามีหลายร้านเขาไม่ทิ้งไปเปล่าๆ แต่เด็กในร้านจะรวมไว้ และกินต่อ เพราะอาหารบางอย่าง ก็ถือว่าเป็นของอร่อยสำหรับเขา ผมก็เลยไม่ค่อยเสียดาย”
แต่กว่าจะกินเหลือได้ในแต่ละมื้อ อาจจะมีน้อยมากสำหรับเขา เพราะปกติแล้ว อรรถพล บอกว่า จะกะประมาณการกินของตัวเองแต่ละมื้อ เพราะมีประสบการณ์กินเหลือมาก่อน ก็จะไม่ทำอะไรผิดซ้ำ เขาจึงจะรู้ว่ากินแค่ไหนพอดี หากมา 2 คน จะสั่งกับข้าว 3 อย่าง ข้าวคนละจาน แต่หาก เขากินคนเดียวกับข้าวก็มีแค่ 2 อย่าง ส่วนขนมมี 1 อย่าง ยกเว้นอาหารที่อร่อยมาก เขา อาจสั่งมากกว่านั้น แต่ก็กินจนหมดเสมอ
นอกจาก “กินให้พอดีแล้ว” อรรถพล ยังดูแลจิตใจของตัวเองอย่างดี “ผมไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรมาก แค่ไม่ได้เป็นคนสะสมความเครียด ทุกอย่างโฟกัสที่งาน และจบที่งานเท่านั้น เมื่อไม่แบก ก็เลยไม่เครียด” เป็นเคล็ดลับง่ายๆของเขา
เพียง “กินให้พอดี” “ไม่สะสมความเครียด” “มีเวลาก็ออกกำลังกาย” แค่นี่ ก็ทำให้ “หน้าเด็กตลอดกาล” โดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือช่วยใดๆ ทั้ง “มดหมอหยูกยา ศัลยกรรม หรือ เครื่องสำอางชะลอวัยราคาแพง” เพราะทั้งหมดอยู่ที่ “ตัวเราเอง”
