Lifestyle

เปิดสาเหตุ หนังฟอร์มยักษ์ ‘มู่หลาน’ เจอกระแส #BoycottMulan

แม้ “มู่หลาน” จะเป็น หนึ่งในหนังฟอร์มยักษ์เรื่องแรก ๆ ที่ลงโรงฉาย นับแต่เกิดการระบาดใหญ่ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้โรงภาพยนตร์ทั่วโลกต้องปิดบริการ และการสร้างภาพยนตร์ต้องหยุดชะงักลง 

แต่ภาพยนตร์เรื่อง มู่หลาน เวอร์ชันที่ใช้คนแสดงของค่ายดิสนีย์ กลับต้องเผชิญกับอุปสรรคใหม่ นั่นคือกระแสเรียกร้องให้คว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้ จากผู้คนในหลายพื้นที่แถบเอเชีย

เมื่อปีที่แล้ว หลิว อี้เฟย ผู้สวมบทมู่หลาน ตัวละครเอกของเรื่อง เคยจุดกระแสไม่พอใจให้แฟนหนัง จากการแสดงความคิดเห็นในเชิงสนับสนุนตำรวจฮ่องกง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้ความรุนแรง ต่อกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย

ล่าสุดกลุ่มนักกิจกรรมทั้งในไทย และไต้หวัน เข้าร่วมกระแสกับฮ่องกง ออกมาเรียกร้องผู้ชมไม่ให้ตีตั๋วเข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้

107799228 mulan2020poster

แบน “มู่หลาน” จุดกำเนิดจากฮ่องกง

อาจยังจำได้ถึงเหตุการณ์ประท้วงใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปีก่อน ซึ่งคนหนุ่มสาว และเยาวชน ต่างเป็นแกนนำการเคลื่อนไหว ต่อต้านกฎหมาย ที่จะเปิดทางให้มีการส่งผู้ร้ายจากฮ่องกง ไปดำเนินคดีในจีนแผ่นดินใหญ่

การประท้วงดังกล่าว ขยายขอบเขตไปเป็นการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปด้านประชาธิปไตย และให้มีการสอบสวนข้อกล่าวหา เรื่องตำรวจใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม

หลิว อี้เฟย ผู้สวมบทมู่หลาน จุดกระแสไม่พอใจให้แฟนหนังจากการแสดงความคิดเห็น ในเชิงสนับสนุนตำรวจฮ่องกง ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย

ในช่วงนั้นเอง หลิว อี้เฟย ผู้ถือกำเนิดในประเทศจีน และปัจจุบันเป็นพลเมืองอเมริกัน ได้แชร์โพสต์จากหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี ของทางการจีน ผ่านทางเว่ยป๋อ (Weibo) โซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีน พร้อมแสดงความเห็นว่า

“ฉันสนับสนุนตำรวจฮ่องกง เชิญพวกคุณทั้งหลายมารุมฉันได้เลย ช่างน่าละอายจริงๆ ฮ่องกง” ดาราสาววัย 33 ปี ระบุในโพสต์

จากนั้นไม่นาน แฮชแท็ก #BoycottMulan หรือ คว่ำบาตรมู่หลาน ก็ติดอันดับยอดนิยมในทวิตเตอร์ ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดีย ที่ถูกปิดกั้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่พลเมืองจีน ต่างแสดงการสนับสนุนดาราสาว

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว แต่สถานการณ์ทางการเมืองในฮ่องกงยังคงตึงเครียดมาจนถึงปัจจุบัน

ในเดือน เมษายน ปีนี้ มีนักเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยชื่อดังหลายคน ถูกตำรวจฮ่องกงจับกุม และหนึ่งเดือนต่อมาหน่วยงานตรวจสอบตำรวจระบุว่า ไม่พบหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำผิดของตำรวจ ในช่วงการประท้วงเมื่อปี 2562

เมื่อเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา จีนได้ผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งนักวิจารณ์ต่างเรียกว่า “จุดจบของฮ่องกง” เพราะมีบทบัญญัติที่กำหนดให้ การกระทำหลายอย่างที่อาจเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นความผิดที่มีบทลงโทษรุนแรง ถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต

ด้วยเหตุการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างต้น ทำให้ โจชัว หว่อง นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยคนสำคัญได้ออกมาเรียกร้องให้ “ทุกคนที่เชื่อในหลักสิทธิมนุษยชนคว่ำบาตรมู่หลาน”

มู่หลาน

ดิสนีย์และจีน

โจชัว หว่อง ระบุว่า ดิสนีย์ “ยอมซูฮกให้รัฐบาลจีน” โดยเขาชี้ว่า ค่ายดิสนีย์ และค่ายหนังฮอลลีวูดอื่น ๆ ต่าง “ศิโรราบ” ให้รัฐบาลจีน ในการเซ็นเซอร์ภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนบท และสัญชาติของตัวละครในเรื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับอนุญาตให้เข้าฉายในจีน ซึ่งเป็นตลาดภาพยนตร์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก

ภาพยนตร์การ์ตูนมู่หลานฉบับดั้งเดิมในปี 2541 สร้างจากตำนานเก่าแก่หลายร้อยปีของจีน ทว่ามีการนำเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อน อีกทั้งยังมีการนำเสนอภาพลักษณ์ของจีนในลักษณะเหมารวม

ด้วยเหตุนี้ ดิสนีย์ จึงต้องการสร้างมู่หลานฉบับคนแสดง ให้มีความถูกต้องขึ้น และเป็นที่ยอมรับจากรัฐบาลจีน จึงมีการถ่ายทำภาพยนตร์บางส่วนในประเทศจีน และบทภาพยนตร์ก็ยึดตามแหล่งข้อมูลของเรื่องราวต้นฉบับในศตวรรษที่ 6 มากขึ้น

#MilkTeaAlliance

มู่หลาน เป็นวีรสตรีที่รัก และชื่นชอบของใครหลายคน เธอเป็นผู้ที่ต่อสู้ เพื่อสิ่งที่เธอคิดว่าถูกต้อง แม้จะต้องเผชิญอุปสรรคนานาประการ

นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่กลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงจะยกให้เธอเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ของพวกเขา ตอนที่ แอกเนส โจว แกนนำการเรียกร้องประชาธิปไตยของฮ่องกงถูกจับกุมเมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มผู้สนับสนุนต่างยกย่องให้เธอเป็น “มู่หลานตัวจริง”

ส่วนในประเทศไทย ที่กลุ่มเยาวชน และคนหนุ่มสาว กำลังออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย และต่อต้านเผด็จการ ก็มีกระแสความรู้สึกต่อต้านจีน ในหมู่คนรุ่นใหม่บางส่วนที่มีความกังวลเรื่องที่จีนเข้ามามีอิทธิพลในภูมิภาค

มู่หลาน

เมื่อเดือน เมษายน ที่ผ่านมา ได้เกิดแฮชแท็ก #MilkTeaAlliance และ #ชานมข้นกว่าเลือด ซึ่งเป็นสงครามออนไลน์ ที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวไทย ไต้หวัน และฮ่องกง ผนึกกำลังกัน ต่อสู้ห้ำหั่นกับผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวจีน ซึ่งไม่พอใจกรณีที่ วชิรวิชญ์ ชีวอารี นักแสดงดังจาก “เพราะเราคู่กัน” หรือ 2gether The Series ได้รีทวีตภาพถ่ายตึกสูงจาก “4 ประเทศ” ของช่างภาพคนหนึ่ง โดยมีฮ่องกงเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

ทำให้แฟนคลับชาวจีนของ วชิรวิชญ์ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยบอกว่าฮ่องกงไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นส่วนหนึ่งของจีน ส่งผลให้เรื่องบานปลาย กลายเป็นการตอบโต้ทางการเมืองในหลายประเด็น เช่น อธิปไตย และระบอบการปกครองในประเทศ

กระแสต่อต้านการใช้ความรุนแรง ต่อกลุ่มผู้ประท้วงของตำรวจฮ่องกง ยังทำให้ เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมด้านสิทธิ และเสรีภาพ ใช้แฮชแท็ก #BoycottMulan ในช่วงก่อนที่หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไทยวันที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา ในการรณรงค์ให้ผู้ชมคว่ำบาตรหนังเรื่องนี้ เพื่อแสดงให้ดิสนีย์ และรัฐบาลจีนได้รู้ว่า ความรุนแรงของรัฐต่อประชาชน เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และในกิจกรรมนี้ก็มีการนำแฮชแท็ก #MilkTeaAlliance กลับมาใช้อีกครั้ง

ที่มา : บีบีซี ไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo