บทเรียนชีวิต “ทอม เครือโสภณ” อุทธาหรณ์เตือนใจ “Health is wealth” จากคนที่มีเงินมากมาย คิดว่าตัวเองมั่งคั่ง พอไม่มีสุขภาพก็รู้สึกได้เลยว่า จนลงจนไม่เหลืออะไรเลย เหตุละเลยสุขภาพจนย่ำแย่ ใช้เงินเท่าไรก็ซื้อไม่ได้
เพจเขียนไว้ให้เธอ ของ ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อดีตผู้บริหารดีแทค ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตเฉียดตายของ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจและนักลอบบี้ยิสต์ชื่อดัง จากการละเลยสุขภาพ โดยระบุว่า
ผมรู้จักคุณทอม เครือโสภณมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ สมัยอยู่ดีแทค ในตอนนั้นคุณทอมอยู่ที่บริษัทสามารถ เรียกได้ว่าเป็นคนร่วมสมัยเดียวกัน ด้วยอายุอานามไม่ได้ห่างกันมากนัก
คุณทอมเป็นคนหนุ่มที่เก่ง คล่องและมีความเป็นอเมริกันสูงตั้งแต่ในสมัยนั้น เพราะโตที่โน่นและเคยทำงานเป็นลอบบี้ยิสต์ระดับสูงที่อเมริกาอีกด้วย หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันบ่อยแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันบน facebook และผมก็ติดตามคุณทอมเวลาให้สัมภาษณ์เรื่องต่าง ๆ อยู่เสมอเพราะคุณทอมเป็นคนที่พูดตรง ๆ มีแง่มุมต่าง ๆ ที่ชวนให้คิดให้ถกอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อไม่นานมานี้ผมเห็นคุณทอมโพสต์ภาพในโรงพยาบาลแล้วดูเหมือนจะมีอาการหนักระดับรอดไม่รอด แล้วก็ได้ฟังคุณทอมมาให้สัมภาษณ์ในรายการคุณสุทธิชัย หยุ่น ผมคิดว่ามีบทเรียนที่คุณทอมได้ประสบพบเจอที่น่าสรุปมาเตือนทุกคนไว้อยู่ในบทสัมภาษณ์นั้น
คุณทอมเล่าว่า ในตอนนี้อายุ 59 ปี เป็นอายุเดียวกับที่คุณพ่อเสียเมื่อตอนที่เขาอายุ 18 เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ก่อน คุณทอมไปตีกอล์ฟแล้วรู้สึกเหนื่อยผิดปกติ เดิมก็คิดว่าอาจจะเพราะอากาศร้อน แต่ภรรยาสังเกตเห็นความผิดปกตินั้นเลยพาไปโรงพยาบาล แล้วพอตรวจเลือดชุดใหญ่ก็พบว่ามีตัวชี้บ่งชัดเจนว่า มีโอกาสหัวใจวาย ก็เลยไปตรวจหัวใจ EKG แล้วจะนัดมาตรวจ MRI
ทอมในตอนนั้นก็ยังบ่ายเบี่ยงบ้างานว่า มีประชุม จะว่างอีกทีอีกสามวัน จนหมอต้องเตือนแรง ๆ ว่าถ้าไม่มา อีกสามวันเราก็อาจจะไม่มีโอกาสเจอกันอีก ก็เลยยอมมาตรวจในวันรุ่งขึ้น
ด้วยความสงสัยว่าจะเป็นโรคหัวใจได้อย่างไร เพราะที่ได้ยินมานั้น โรคหัวใจต้องเจ็บหน้าอกก็เลยไม่คิดว่า ซีเรียส แต่คุณหมอก็บอกว่าเพราะทอมเป็นเบาหวาน receptor ที่ทำให้รู้สึกปวดหรือเจ็บอาจจะโดนเบาหวานทำให้ไม่รู้สึกไปแล้วก็ได้ แล้วพอ MRI เสร็จ หมอบอกเลยว่า เส้นตัน แล้วพอฉีดสีต่อ หมอก็อธิบายถึงอาการที่หนักหน่วงว่า หัวใจคนเราจะมีเส้นเลือดหลักหล่อเลี้ยงหัวใจอยู่สามเส้น ของคุณทอมนั้น สองเส้นตันจนทำอะไรไม่ได้แล้ว
จากที่เคยได้ยินมา คุณทอมก็ยังถามแบบงง ๆ ว่า บอลลูนหรือขูดหินปูนไม่ได้แล้วเหรอครับ หมอบอกว่ามันตันจนขูดแล้วเส้นอาจจะแตกแล้วตายตรงนั้นเลยก็ได้ หัวใจเลยเหลือเส้นดีอยู่เส้นเดียวและทำงานอยู่แค่ 40% เท่านั้นเอง
บทเรียนที่สำคัญอีกประการที่คุณทอมเล่าก็คือ พอฟังแล้ว ด้วยความที่ตัวเองมีสตางค์ก็คิดว่าใช้เงินน่าจะแก้ปัญหาได้ หาหมอที่ดีที่สุด ใช้การรักษาที่แพงที่สุดก็น่าจะมีทางบ้าง จนคุณหมอต้องบอกว่าเส้นหัวใจมันแย่จนเอาเงินเท่าไหร่ก็แก้ไม่ได้แล้ว บายพาสก็แก้ไม่ได้เพราะไม่มีเส้นให้ต่อสาย จะรอเปลี่ยนหัวใจก็รอแถวและก็ไม่รู้ว่าร่างกายจะรับได้หรือไม่ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมชีวิตอย่างเดียว ไม่งั้นก็คือตาย..
บทเรียนที่สำคัญที่ทอมบอกต่อมาก็คือ เหตุร้ายที่เกิดในวันนี้เพราะไม่ดูแลตัวเองเรื่องน้ำตาลกับเบาหวาน คุณทอมเป็นเบาหวานมาสิบกว่าปี และคิดไปเองว่าจะสู้เบาหวานได้ด้วยการกินยา ทอมบอกเลยว่าเป็นความโง่เขลาเบาปัญญาของตัวเองที่คิดว่ามีสตางค์ก็โยนเข้าไปเพื่อแก้ปัญหาในการซื้อยาแพง ๆ มากิน สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยอะไร
พอได้ยินข่าวร้ายในระดับนี้ ภาพแรกที่เห็นเลยคือ ลูกสาว ลูกสาวคุณทอมเพิ่งได้เข้ามหาวิทยาลัยดีระดับทอปโลก จะได้อยู่ถึงเขาจบปริญญาหรือไม่ เป็นความคิดที่ขึ้นมาชัดเจนที่สุดในโมเม้นนั้น และก็ตระหนักรู้ถึงคำที่สำคัญที่สุดในวินาทีนั้นว่า Health is wealth จากคนที่มีสตางค์มากมาย คิดว่าตัวเองมั่งคั่ง พอไม่มีสุขภาพก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองจนลงจนไม่เหลืออะไรเลย
คุณทอมอยู่ในช่วงที่จะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมทุกอย่างที่เคยทำมา สูบซิการ์ กินอาหารที่อร่อยแต่ทำร้ายร่างกายให้หมด ซึ่งไม่ง่ายแน่ ๆ สำหรับคนที่ประพฤติปฏิบัติแบบเดิมมาหลายสิบปี ต้องงดน้ำตาล ขนมทุกอย่างที่เคยชอบทั้งหมด และต้องเริ่มชีวิตรูปแบบใหม่ให้ได้ คุณทอมบอกว่าโชคดีที่มีคนรอบข้างที่ดี มีกำลังใจจากเพื่อน ๆ ในตอนนี้
น่าสนใจคือ คู่สนทนาของคุณทอมในรายการคือ คุณสุทธิชัย หยุ่น ในวัยเกือบแปดสิบที่แข็งแรงมาก สุขภาพอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม ก็ได้เห็นคุณสุทธิชัยช่วยปลอบประโลม และเล่าถึงเคสของตัวเองที่เคยเจอแบบคุณทอม แต่เป็นเมื่อตอนที่คุณสุทธิชัยอายุสามสิบห้า บ้างาน กินเหล้า กินเบียร์ ไม่หลับไม่นอนหลายคืน จนเคยล้มทั้งยืนที่ออฟฟิศและเข้าโรงพยาบาล ตอนนั้นสุขภาพแย่มาก ความดัน คอเลสเตอรอล น้ำหนักเกินทุกอย่าง ทำให้คุณสุทธิชัยเจอ moment of truth เร็วในวัยแค่สามสิบกว่าและตั้งใจว่าจะไม่กลับไปโรงพยาบาลอีก
ในจังหวะตอนนั้น คุณสุทธิชัยได้รับเชิญไปดูงานที่แคนาดาอยู่หนึ่งเดือน เจ้าหน้าที่สถานทูตแคนาดามาให้เลือกเรื่องอาหารการกิน คุณสุทธิชัยเลยบอกไปเลยว่า เป็นมังสวิรัติ ทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้เป็นแต่อยากเปลี่้ยนพฤติกรรมชีวิตแบบหักดิบ ก็เลยถูกจัดให้กินผักต้ม มันฝรั่ง ไม่มีเนื้อสัตว์เลยไม่ว่าจะไปเมืองไหนในตอนนั้น
อาทิตย์แรกโหดร้าย หิว หมดแรง อยากบุหรี่ ไม่รู้ว่าจะไหวหรือไม่ แต่พอสามสี่วันผ่านไป การขับถ่ายดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาการเจ็บคอจากการสูบบุหรี่ กินเบียร์เรื้อรังหายไปหมด อาทิตย์ที่สองเริ่มรู้สึกดี เดือนเดียวน้ำหนักหายไปสิบกิโล
หลังจากนั้น คุณสุทธิชัยก็ไม่กลับไปวิถีเดิมอีก กินปลาต้ม กินผัก ไม่กินน้ำอัดลม ออกกำลัง จนแข็งแรง ฟิตปั๋ง อย่างที่เราเห็นหน้าจอทุกวันในวัยเจ็ดสิบแปดวันนี้
คุณทอมบอกว่า ตอนนี้กำลังหาศัตรูใหม่ก็คือ ทอมคนเก่า จะพยายามเล่าให้ทุกคนฟังว่าอย่าโง่เหมือนทอมเก่าคนนั้นที่ประมาท คิดว่าสตางค์ซื้อได้ทุกอย่างและไม่ดูแล้วตัวเองคนนั้น
ผมฟังแล้วก็เลยอยากจะช่วยเผยแพร่เจตนารมณ์ของคุณทอม ที่อยากเตือนทุกคนไว้ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดก็ตาม เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายคนในวันหน้าก็ได้นะครับ
ขอบคุณข้อมูล: เพจเขียนไว้ให้เธอ, รายการ Suthichai Live
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- โชว์ความสำเร็จ ‘หนึ่งหมู่บ้าน หนึ่งเชฟอาหารไทย’ รุ่นที่ 1 ตั้งเป้าปั้นเชฟกว่า 7.5 หมื่นคนใน 4 ปี
- อากาศร้อน น้ำแข็งขายดี เตือนโรงงานระวังเกิดเหตุก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล
- ‘ทอม เครือโสภณ’ เปิดใจ ยันไม่ได้ถูกจับ นำเข้ากัญชา 9.5 กิโลกรัมตามขั้นตอน
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook : https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X : https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram : https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg