รายงานล่าสุดชี้ แรงกดดันจากผู้บริโภคที่จะให้ร้านค้าต่างๆ เลิกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกนั้น จะทำให้สิ่งแวดล้อมตกอยู่ในภาวะอันตราย
กลุ่มพรรคการเมืองรัฐสภา ของอังกฤษ ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของนักการเมืองจากทุกพรรค และจากทั้งสภาล่าง และสภาบน เพื่อร่วมกันดำเนินงานในเรื่องที่สนใจ ออกรายงานฉบับล่าสุด ที่แสดงให้เห็นว่า ตามความเป็นจริงแล้ว การที่บริษัทต่างๆ นำวัสดุอื่นเข้ามาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ใส่สินค่านั้น มีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายให้กับสิ่งแวดล้อมมากกว่าบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากพลาสติก
ตัวอย่างเช่น ขวดแก้ว ที่มีน้ำหนักมากกว่าพลาสติก ก็สร้างมลพิษให้กับการขนส่งมากกว่า ส่วนถุงกระดาษก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมลพิษ มากกว่าถุงพลาสติก และนำกลับมาใช้ใหม่ (reuse) ได้ยากกว่าพลาสติกด้วย
ทั้งนี้ กระแสการนำวัสดุอื่นเข้ามาใช้ผลิตบรรจุภัณฑ์แทนที่พลาสติกนั้น เกิดขึ้นจากความกังวลถึงผลกระทบจากขยะพลาสติกที่จะมีต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล แต่บรรดาผู้เขียนรายงานฉบับนี้ ก็บอกเช่นกันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการประเมินอย่างเหมาะสม ถึงผลที่เกิดขึ้นจากการใช้วัสดุใหม่
พร้อมกันนี้ ยังได้ยกตัวอย่างถึงการที่ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งในอังกฤษ พากันขายเครื่องดื่มที่บรรจุในกล่องเคลือบมากขึ้น บนสมมติฐานที่ว่ากล่องชนิดนี้สามารถรีไซเคิลได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น สหราชอาณาจักรมีความสามารถที่จะรีไซเคิลกล่องเคลือบที่หมุนเวียนอยู่ในระบบได้เพียง 1 ใน 3 เท่านั้น
ขณะที่กลุ่มกรีน อัลไลแอนซ์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นผู้ประกอบการจำนวนหนึ่ง เกี่ยวกับความไม่พอใจของสาธารณชนที่มีต่อมลภาวะในทะเล
“ร้านค้าจำนวนมากต่างขายสินค้าในบรรจุภัณฑ์ ที่ระบุไว้ว่า เป็นแบบย่อยสลายได้ หรือย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทั้งที่ตามความเป็นจริงนั้น ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อาจจะย่อยสลายได้ในระดับโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น และต่อให้ทำได้เช่นนั้น สิ่งของทดแทนบางอย่างก็อาจจะย่อยสลายได้ไม่หมด”
รายงานบอกด้วยว่า ผู้บริโภคมากกว่า 80% คิดว่า พลาสติกที่ย่อยสลายได้ หรือย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่พวกเขามีความเข้าใจน้อยมากว่า คำดังกล่าวหมายความว่าอะไร และควรจะจัดการอย่างไรกับวัสดุเหล่านี้่
“ผู้ประกอบการที่ตอบแบบสอบถามของเราต้องการแนวทางที่ชัดเจนมากกว่านี้ว่า พลาสติกแบบย่อยสลายได้นี้ ควรนำไปใช้ที่ใด และใช้อย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนต่อผู้บริโภค และความเป็นไปได้ที่อาจจะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น”
บริษัทรายหนึ่งที่ตอบแบบสอบถามความเห็นครั้งนี้ ระบุว่า ผู้ประกอบการต่างตระหนักว่า การเปลี่ยนจากพลาสติกไปใช้วัสดุอื่นนั้น อาจทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมลพิษมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะที่ นายแอนดรูว์ โอพาย จากกลุ่มค้าปลีกอังกฤษ ย้ำถึงข้อเรียกร้องที่ต้องการนโยบายชัดเจนจากภาครัฐ และว่าผู้ค้าปลีกที่มีความรับผิดชอบทุกราย ต่างเห็นพ้องว่า ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องโลกร้อนเป็นอันดับต้นๆ ของการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม
นายโอพายย้ำด้วยว่า พลาสติกยังเป็นวัสดุที่มีประสิทธิภาพมากสุดในการใช้งานหลายๆ ด้าน เช่น การนำไปห่อแตงกวา ซึ่งช่วยให้แตงกวามีอายุนานถึง 14 วัน ช่วยลดขยะอาหารให้น้อยลง
ที่มา : BBC