Environmental Sustainability

‘ศุภชัย’ ประชุมคู่ขนาน ‘COP26’ ประกาศนำ ‘ซีพี’ สู่องค์กร ‘คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์’

ซีอีโอเครือซีพี  “ศุภชัย เจียรวนนท์” ร่วมประชุมเวทีคู่ขนาน COP26 ประกาศนำ “ซีพี” ก้าวสู่องค์กรปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ พร้อมปลุกภาคเอกชนเดินหน้าลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีลดโลกร้อน

ในการประชุมรัฐภาคี กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 (COP26) เมืองกลาสโกว์ สกอตแลนด์ ประเทศไทยได้มีการจัดกิจกรรมคู่ขนาน Climate Action Leader Forum 2021 ผ่านระบบออนไลน์ ณ ศาลาไทย (Thai Pavilion) บนเวที Thailand Minister’s Climate Talk and Business Leaders to Share Vision and Experiences on Net-zero Transformation

ระดมความคิดผู้นำในองค์กรชั้นนำของประเทศไทย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันต่าง ๆ เกี่ยวกับการสานต่อเป้าหมายควบคุมอุณหภูมิโลก ไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส รวมไปถึงความมุ่งมั่นสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

shutterstock 1930294013

ในการนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ“Business Leaders to Share Vision and Experiences on Net-zero Transformation” หรือ “การแบ่งปันวิสัยทัศน์และประสบการณ์ของผู้นำเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์”

นอกจากนี้ นายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้ร่วมแบ่งปันมุมมองความเห็นและประสบการณ์ในหัวข้อ “Thailand Carbon Neutral Network: Climate Action Partnership towards Carbon Neutrality” หรือ “เครือข่ายคาร์บอนกลางประเทศไทย : ความร่วมมือด้านเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน”

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ได้ประกาศถึงความมุ่งมั่นของเครือซีพี ที่มีต่อภารกิจสำคัญของโลกในการร่วมลดโลกร้อน โดยกล่าวว่า ภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมกำลังอยู่ในจุดที่กำลังเผชิญหน้า กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบต่าง ๆ ที่มาจากภาวะโลกร้อน จะส่งผลต่อกระบวนการผลิต เพื่อบริโภค ท่ามกลางจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น

โดยคาดการณ์ว่า จะมีอัตราของเสียจากกระบวนการผลิต และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น แนวโน้มที่รอไม่ได้นี้ ส่งผลให้ภาคธุรกิจ และทุกอุตสาหกรรมต้องเร่งร่วมมือกันรับผิดชอบในการสร้างความยั่งยืน ดำเนินการและมุ่งมั่นสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ให้ได้

​ประธานคณะผู้บริหาร เครือซีพี ระบุว่า ในฐานะที่เครือซีพีเป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์กรผู้นำด้านความยั่งยืนโลก (UN Global Compact Lead) จากสหประชาชาติ ซีพีได้กำหนดเป้าหมาย เพื่อมุ่งสู่องค์กร Zero food Waste และ Zero Emission ภายในปี 2573

S 13721673

ขณะนี้ได้เตรียมทุกอย่างที่ทำได้เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายนี้ รวมถึงการก้าวเข้าสู่โอกาสใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนด้วย โดยธุรกิจของเครือซีพีได้เปลี่ยนแปลง และปรับตัวสู่รูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนในหลายมิติ ทั้งในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก โทรคมนาคม ตลอดจนการดำเนินธุรกิจใน 21 ประเทศ และเขตเศรษฐกิจ

สำหรับอุตสาหกรรมด้านการเกษตร ซีพีได้ปรับตัวสู่การดำเนินการบนความยั่งยืนตลอดห่วงโซ่อุปทาน ที่จะต้องสร้างความร่วมมือให้ทุกฝ่าย ได้ตระหนักรู้ และมีแรงจูงใจในการพัฒนาธุรกิจ เพื่อความยั่งยืนไปด้วยกัน

ภาคธุรกิจจำนวนมากต่างพยายาม ที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จะมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยจัดการในเรื่องเศรษฐกิจ และความยั่งยืนได้มากขึ้น เช่น การทำฟาร์มอัจฉริยะ การใช้ระบบอัตโนมัติในกระบวนการผลิต การใช้พลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการพัฒนาแพลตฟอร์ม และโซลูชั่นต่าง ๆ ถือเป็นโอกาสที่จะช่วยพลิกวิกฤติครั้งนี้ให้ได้

นายศุภชัย บอกด้วยว่า แม้จะตั้งคำถามถึงสิ่งที่ทำวันนี้ว่ายังไม่เห็นผลชัดเจน แต่การทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องหาตัวเลขต่าง ๆ มาบอก ในเมื่อวันนี้วิถีที่มนุษย์บริโภค การใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ได้สร้างก๊าซเรือนกระจก และของเสียออกมาซึ่งทั้งหมดไม่ก่อให้เกิดความยั่งยืน

ผมเชื่อว่าในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส ในวิกฤติด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศนี้จะทำให้เราได้มีโอกาสสร้างความยั่งยืน จัดการกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อโลกได้

ภาคธุรกิจควรลงทุนอย่างจริงจัง ไม่เพียงแต่ลงทุนในเรื่องพลังงานหมุนเวียนเท่านั้น แต่ยังมีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่ต้องลงทุนต่อไป เพื่อดำเนินการ และรับผิดชอบว่า ภาคธุรกิจจะไม่ปล่อยมลพิษมากขึ้น รวมทั้งมุ่งสู่ Net Zero ได้สำเร็จ บนพื้นฐานที่จะพัฒนาและเรียนรู้ตลอดเวลา ซึ่งเครือซีพีหวังว่า จะสามารถแบ่งปันทั้งบทเรียน และความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน ให้กับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่อไป

K NOP

ทางด้าน นายนพปฎล กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะองค์กรภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจมาครบ 100 ปี ตั้งเป้าหมายเป็นองค์การที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573 ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกบริษัทในเครือ ที่จะร่วมกันรักษาอุณหภูมิของโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส

ในแต่ละกลุ่มธุรกิจในเครือ ได้ดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนถึง ห่วงโซ่การผลิตอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การปลูกพืชโดยใช้เทคโนโลยีแบบแม่นยำ การใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานหมุนเวียน ไปจนถึงการนำของเสียกลับมาเป็นพลังงาน จากการดำเนินการดังกล่าวทำให้ธุรกิจของเครือซีพีปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมทั่วโลก

​นายนพปฎล ชี้ว่า เครือซีพีได้กำหนดสูตรสำเร็จในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 5 ข้อ ตามแนวทางของนายศุภชัย ประธานคณะผู้บริหารเครือซีพี คือ

  • ความมุ่งมั่นของผู้นำ ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน และทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งมือกันช่วยโลกใบนี้
  • ต้องรายงานผลการปฏิบัติการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่โปร่งใสต่อสาธารณชน
  • ใช้กลไกตลาดเป็นแรงจูงใจ ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลุ่มธุรกิจ และผู้บริโภค
  • นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งการนำมาใช้เพื่อสร้างพลังงานหมุนเวียน รวมไปถึงการนำมาช่วย ในการดักจับ และกักเก็บคาร์บอ
  • สร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการร่วมกันหาแนวทางรับมือสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ที่จะทำให้คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo