ส.อ.ท. หนุน “TIPMSE” เดินหน้ารวมพลังขยายเครือข่าย เปิดทางผู้ผลิตทุกขนาด พร้อมสมาชิกใหม่อีก 48 รายขับเคลื่อน EPR กฎเกณฑ์การค้าโลกใหม่ปี 2570 เน้นใช้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด ส่งคืนบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ สร้างวงจรการใช้ทรัพยากรที่ยั่งยืน ลดปล่อยคาร์บอนสู่เป้าหมาย Net Zero
องค์กรภาครัฐและเอกชน จัดกิจกรรมขับเคลื่อนแนวทางการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ครอบคลุมตลอดทั้งวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ หรือ Extended Producer Responsibility: EPR ในงาน “PackBack in Action ปี 3 รวมพลังเดินหน้า: The Drive for EPR in Thailand”
เพื่อประกาศเจตจำนงผลักดันการใช้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด และการส่งคืนบรรจุภัณฑ์กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ชญานันท์ ภักดีจิตต์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อน EPR กล่าวเปิดงาน
สะท้อนความก้าวหน้า ทิศทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของกระทรวง ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ และความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในการพัฒนาระบบ EPR ด้านบรรจุภัณฑ์ในประเทศไทย
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน จัดงาน “PackBack in Action ปี 3 รวมพลังเดินหน้า: The Drive for EPR in Thailand” เพื่อแสดงเจตจำนงการใช้ทรัพยากร และวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความยั่งยืน
ผู้ประกอบการไทยไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ หรือเอสเอ็มอี ต้องมีความตื่นตัว เนื่องจากหลายมาตรการในต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อการส่งออก รวมถึงหาก พ.ร.บ.การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนประกาศใช้ ทุกบริษัทก็จะต้องเข้าร่วมและดำเนินการตาม
ปัจจุบัน สถาบันการจัดการบรรจุภัณฑ์ และรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม (TIPMSE) ภายใต้การดำเนินงานของ ส.อ.ท. ได้ประสานกับเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ในการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ภาคบังคับ โดยคาดว่าจะเริ่มประกาศเป็นกฎหมายบังคับใช้ในปี 2570
ทางด้านนายโฆษิต สุขสิงห์ รองประธาน ส.อ.ท. และประธาน TIPMSE กล่าวย้ำถึงบทบาทภาคเอกชนในการขับเคลื่อน EPR ร่วมกับภาครัฐว่า เป็นการเปลี่ยนโฉมกลยุทธ์การพัฒนาสิ่งแวดล้อมของประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยให้ภาคอุตสาหกรรมเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น
ที่ผ่านมา TIPMSE ทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการเตรียมความพร้อม ทั้งในแง่ของการให้ความเห็นต่อการพัฒนาร่างกฎหมาย EPR การพัฒนามาตรการจูงใจ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลเพื่อรองรับระบบ EPR การส่งเสริมการออกแบบตามหลักการการออกแบบเพื่อการรีไซเคิล (D4R) การสื่อสารเพื่อกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการในห่วงโซ่ความรับผิดชอบ และการนำหลักการ EPR มาสู่การทดลองทั้งโมเดลเก็บกลับในพื้นที่เป้าหมายในโครงการ Pack Back จังหวัดชลบุรี
โดยนำร่องใน 3 เทศบาล ประกอบด้วยเทศบาลเมืองแสนสุข เทศบาลเมืองบ้านบึง และเทศบาลตำบลเกาะสีชัง และจะขยายไปอีก 9 เทศบาลในปี 2567 เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบเก็บขนของท้องถิ่น และยกระดับสู่การออกเทศบัญญัติหรือข้อบัญญัติท้องถิ่น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดต้นแบบการสนับสนุนท้องถิ่นที่แตกต่างกัน ตามบริบทของพื้นที่
ความท้าทาย อยู่ที่การทำอย่างไรให้ทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ รายกลาง และรายเล็กเข้าใจ และเข้าร่วมเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ EPR ภาคบังคับในอนาคตได้
ทั้งนี้ การพัฒนากลไก EPR โดยใช้ระบบภาคการผลิต จะเป็นเครื่องมือและกลยุทธ์ที่สำคัญในการเดินหน้าสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อาทิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน หรือ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ อย่างมีนัยสำคัญภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
สอดรับนโยบายภาครัฐในการนำโมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “BCG” (Bio-Circular-Green Economy) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว ที่นำเอาจุดแข็งของประเทศไทยมาพัฒนา โดยเฉพาะการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน มาเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ซึ่งภาคอุตสาหกรรมกำลังนำมาพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กฎเกณฑ์การค้าโลกใหม่ที่คำนึงถึงปัญหาโลกร้อนซึ่งเป็นภาวการณ์ที่ทุกประเทศต่างให้ความสำคัญ
ดังนั้น การเกิดระบบ EPR ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นกลไกในการจัดการอย่างเป็นระบบครบวงจร เนื่องจากกฎหมายขยะปัจจุบันยังมีช่องโหว่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่เพียงเก็บขนกำจัดอย่างเดียว แต่ไม่มีบทบัญญัติเรื่องการคัดแยกและรีไซเคิล
การประกาศ EPR เป็นกฎหมายบังคับใช้ในปี 2570 นี้ จึงเป็นเหมือนสัญญาณให้ทุกภาคส่วนเตรียมความพร้อมในการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วนำกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เทรนด์ Sustainable Sourcing มาแรง กระทบส่งออกเกษตร-อาหารมูลค่ากว่า 2 แสนล้าน
- ‘GGC-GIZ’ ต่อยอดความสำเร็จ ผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน สู่ ‘ปาล์มน้ำมันคาร์บอนต่ำ’
- ทส. เปิดซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตจากป่าชุมชน หนุนชุมชนดูแลป่ายั่งยืน
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx