Environmental Sustainability

เปลี่ยน ‘เปลือกไข่’ ให้มีคุณค่า ไม่ทิ้งเป็นขยะ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก   

เปลี่ยน “เปลือกไข่” ให้มีคุณค่า ไม่ทิ้งเป็นขยะ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก   

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)ที่กำลังส่งผลทั่วโลก  ซึ่งทุกคนต้องตระหนักและเตรียมพร้อมรับมือ เพื่อดูแลให้ทุกชีวิตข้ามวิกฤตนี้ไปด้วยกัน

หลัก Circular Economy หรือ เศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ ถูกนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรในห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) หรือนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดประโยชน์ เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการของเสีย วัตถุดิบ และพลังงาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญไปสู่เป้าหมายลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero)

เปลือกไข่

สร้างมูลค่าจากขยะ

ในอุตสาหกรรมอาหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ บริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลก ประกาศเป้าหมาย  Net-Zero ภายในปี 2050 (พ.ศ. 2593) บนเส้นทางความมุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหาร และดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน สอดรับตามเป้าหมาย SDGs

แผนปฏิบัติการเพื่อมุ่งสู่ Net-Zero ของซีพีเอฟ กำหนดกลยุทธ์ที่เป็นแนวนโยบายหลัก อาทิ ลดปริมาณของเสียสู่การฝังกลบและเผา (Zero Waste to Landfill)ให้เป็นศูนย์ ด้วยแนวคิด สร้างมูลค่าจากขยะ (Waste to Value) นำขยะมาใช้ซ้ำหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งในกระบวนการผลิตของซีพีเอฟ มีเศษเปลือกไข่ที่เหลือ และถูกนำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า ควบคู่กับการมีส่วนช่วยชุมชนและสิ่งแวดล้อม

เปลือกไข่

ทำปุ๋ย-ส่วนผสมไบโอซีเมนต์

โรงฟักไข่ชัยภูมิ (ธุรกิจไก่ปู่-ย่าพันธุ์เนื้อ) จังหวัดชัยภูมิ นำเปลือกไข่ มาใช้ทำโครงการปุ๋ยเปลือกไข่สู่ชุมชนและเกษตรกรบ้านซับรวงไทร เปลี่ยนเศษเปลือกไข่เป็นปุ๋ยด้วยวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ช่วยลดขยะสู่บ่อฝังกลบ ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดค่าใช้จ่ายของเกษตรกรในการซื้อปุ๋ย จากการที่เกษตรกรสามารถผลิตปุ๋ยใช้เอง เป็นประโยชน์กับเกษตรกรรอบสถานประกอบการ ประกอบกับปุ๋ยเปลือกไข่มีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพของดิน  ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิตให้กับเกษตรกรกร

จากเปลือกไข่ที่เหลือในกระบวนการผลิต ถูกนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ นอกจากทำปุ๋ยที่มีส่วนผสมของเปลือกไข่แล้ว ซีพีเอฟต่อยอดสนับสนุนงานวิจัยสร้างคุณค่าเพิ่มจากเปลือกไข่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม

โดยสนับสนุนเปลือกไข่ให้กับโครงการผลิตไบโอซีเมนต์ ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มวิจัยวัสดุชีวภาพอัจฉริยะและเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ได้รับทุนวิจัยร่วมกับสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา และสำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน นำเปลือกไข่ใช้เป็นส่่วนผสมเพื่อผลิตต้นแบบแผ่น Bio-Cement สำหรับการลดการซึมของน้ำบาดาลเค็มในพื้นที่นาข้าว เพื่อหาแนวทางความร่วมมือในการใช้ประโยชน์วัสดุเหลือจากอุตสาหกรรม

และขยายผลการใช้ไบโอซีเมนต์เพื่อหน่วงน้ำในแปลงนาในพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาดินเค็ม และน้ำกร่อย  รวมทั้งจะนำไปใช้ในการพัฒนาและขยายผลไปสู่การสร้างคลองส่งน้ำในพื้นที่การเกษตร

ผลศึกษาในเบื้องต้น พบว่าไบโอซีเมนต์ 1 กรัม สามารถกักเก็บก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ได้ 41 กรัม  และในอนาคต มีความเป็นไปได้ว่าไบโอซีเมนต์ที่ได้ จะถูกนำมาพัฒนาสูตรให้สามารถใช้กับเครื่องพิมพ์สามมิติ ที่จะนำไปผลิตปะการังเทียม หรือพัฒนาเป็นไบโอคอนกรีต ที่อาจถูกนำไปใช้ในงานก่อสร้างเพื่อเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำใต้ดินต่อไป

S 32891131

ใช้ประโยชน์เชิงอุตสาหกรรม          

โรงงานแปรรูปไข่บ้านนา จังหวัดนครนายก นำเปลือกไข่บดที่เหลือจากกระบวนการผลิต แบ่งปันให้เกษตรกรในพื้นที่นำไปใช้ปรับดินก่อนการเพาะปลูก จากการที่คุณสมบัติของเปลือกไข่ที่ช่วยให้ดินร่วนซุย โดยในละปีมีเปลือกไข่บดเฉลี่ยที่ให้กับเกษตรกร 1,800  ตันต่อปี

และในปีนี้ ยังได้ร่วมมือกับ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCG Decor (SCGD) สนับสนุนเปลือกไข่ในการวิจัย และพัฒนาสินค้าสุขภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ COTTO โดยเน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการนำเปลือกไข่จากโรงงานแปรรูปไข่บ้านนา จังหวัดนครนายก และโรงฟักแก่งคอย จังหวัดสระบุรี มาใช้ประโยชน์เชิงอุตสาหกรรม

S 32891134

ในด้านของธุรกิจไก่ไข่ คอมเพล็กซ์ไก่ไข่ของซีพีเอฟทั้ง 7 แห่ง (เชียงใหม่ พิษณุโลก นครราชสีมา ร้อยเอ็ด อุดรธานี จันทบุรี และสงขลา) ใช้หลัก Circular Economy บริหารจัดการของเสียในกระบวนการผลิตกลับมาใช้ประโยชน์ อาทิ ฟาร์มคอมเพล็กซ์สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ฟาร์มคอมเพล็กซ์จักราช จังหวัดนครราชสีมา  ฯลฯ ทำโครงการนำเปลือกไข่มาแปรรูปเป็นสารปรับปรุงดิน

โดยนำเปลือกไข่กระจายให้เกษตรกรไปใช้เพื่อการเพาะปลูก ตัดวงจรการนำเปลือกไข่ไปทิ้งสู่หลุมฝังกลบ (Waste to Landfill) สร้างผลกระทบเชิงบวกสู่ชุมชนและสังคมโดยรอบ

S 32891132

นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต อาทิ โครงการระบบลำเลียงไข่อัจฉริยะ นำระบบอัตโนมัติเข้ามาควบคุมการลำเลียงไข่ เพื่อลดความเสียหายจากการลำเลียงไข่จากฟาร์มไปสู่โรงคัดไข่ และความเสียหายที่เกิดจากกระบวนการคัดไข่ ช่วยลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตอาหาร ( Food Loss)ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo