Telecommunications

ธนาคาร-ค่ายมือถือดึง USSD ช่วยยืนยันตัวตนพร้อมเพย์ ดีเดย์ 1 มค. 62

สถาบันการเงิน 20 แห่งร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 6 ราย เดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถระบบการตรวจสอบยืนยันความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการสมัครบริการพร้อมเพย์ ดีเดย์เริ่มใช้งาน 1 มกราคม ปีหน้า พร้อมขยายความร่วมมือไปยังบริการทางการเงินและบริการโทรคมนาคมใหม่ยุค 5G

MOBILE PAY RESIZE 0
ภาพจากเอเอฟพี

นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการโทรคมนาคม นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมทั้งนายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักงานระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย และนายสุพจน์ เธียรวุฒิเลขาธิการ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ร่วมกันแถลงความก้าวหน้าในการบรรลุข้อตกลงระหว่างสถาบันการเงิน 20 แห่งร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 6 ราย ในการตรวจสอบยืนยันความเป็นเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นการอัพเกรดการใช้รหัส USSD *179 โดยเพิ่มการใช้รหัสอ้างอิงหรือ Reference Code และการเชื่อมต่อตรงระหว่างศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลของสถาบันการเงินกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในขั้นตอนการลงทะเบียนพร้อมเพย์ ทำให้การลงทะเบียนพร้อมเพย์มีความปลอดภัยและสะดวกมากยิ่งขึ้น

โดยที่ผ่านมา ปัญหาสำหรับการใช้พร้อมเพย์คือ การเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือ โดยที่เบอร์เก่านั้นใช้สมัครพร้อมเพย์เอาไว้ ไม่ได้ยกเลิก ทำให้พร้อมเพย์ติดไปกับเบอร์เก่า และเมื่อมีผู้ซื้อหมายเลขโทรศัพท์นั้น ๆ ไปใช้งานใหม่ ก็จะไม่สามารถสมัครพร้อมเพย์ได้ ในจุดนี้ จึงมีการพัฒนารหัส USSD เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตน

โดยการทำงานจะเกิดขึ้นเมื่อ เจ้าของเบอร์ต้องการยืนยันตัวตนว่าเป็นเจ้าของหมายเลขนั้นจริง ๆ ก็สามารถกด *179*ตามด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก กด#แล้วโทรออก หน้าจอโทรศัพท์มือถือจะขึ้นรหัส USSD เพื่อยืนยันว่า หมายเลขโทรศัพท์นี้กับเลขบัตรประชาชนของผู้ใช้งานตรงกัน จากนั้น ธนาคารจะสามารถปลดล็อกผู้ใช้งานรายเก่า เพื่อให้ผู้ใช้งานรายใหม่สามารถนำเบอร์นี้มาสมัครพร้อมเพย์ได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น

สำหรับระบบจะสามารถใช้งานได้ในวันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป การดำเนินการในครั้งนี้จะช่วยสนับสนุนและส่งเสริมให้การทำธุรกรรมการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบพร้อมเพย์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งแต่เริ่มให้บริการพร้อมเพย์ ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนด้วยเลขหมายโทรศัพท์กว่า 16 ล้านเลขหมาย และมีมูลค่าธุรกรรมรวมสูงกว่า 3.9 ล้านล้านบาท และมียอดการโอนต่อครั้งประมาณ 5,100 บาท

ผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 อุตสาหกรรมเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นนับว่าเป็นความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมแรกที่ภาคเอกชนทำการเชื่อมต่อ/แลกเปลี่ยนข้อมูลกันอย่างเป็นรูปธรรมและประชาชนสามารถได้รับประโยชน์ในวงกว้าง เป็นผลมาจากการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างจริงจัง และจะพัฒนาและขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนทั้งบริการทางการเงินและโทรคมนาคมใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ที่มีการให้บริการ 5G เกิดขึ้น อันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลและประเทศไทย 4.0 ต่อไป

Avatar photo