Technology

เปิดกลยุทธ์เสี่ยวมี่ ส่งทีวีราคาประหยัดบุกอินเดีย

xiaomi-tv
ภาพจากเสี่ยวมี่

เสี่ยวมี่ (Xiaomi) บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่จากจีนเตรียมขยายตลาดในอินเดียด้วยทีวีราคาประหยัดแล้ว หลังเคยใช้กลยุทธ์ดังกล่าวกับสมาร์ทโฟนจนประสบความสำเร็จ

โดยรายงานจากเซาท์ไชน่ามอนิ่งโพสต์ระบุว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เสี่ยวมี่ตัดสินใจรุกตลาดทีวีเนื่องจากกลยุทธ์ที่ใช้ตีตลาดสมาร์ทโฟนอินเดียประสบความสำเร็จ และมียอดขายสมาร์ทโฟนก้าวขึ้นแซงซัมซุง (Samsung) ในตลาดอินเดียได้แล้วนั่นเอง

ตัวเลขนี้มาจากยอดขายไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา เสี่ยวมี่สามารถส่งออกสมาร์ทโฟนไปขายที่อินเดียได้มากกว่า 9 ล้านเครื่อง เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 155% ด้วยยอดขายดังกล่าวนี้ ทำให้เสี่ยวมี่ครองส่วนแบ่งถึง 31% ก่อนจะตามมาด้วยซัมซุงที่ยอดขาย 7.5 ล้านเครื่อง หรือส่วนแบ่งตลาดที่ 25% อย่างไรก็ดี หากพิจารณาส่วนแบ่งของเสี่ยวมี่และซัมซุงรวมกันก็จะพบว่าเกินครึ่งของตลาดอินเดียไปแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นการยากที่แบรนด์อื่น ๆ จะเข้ามาชิงตลาดนี้นอกเสียจากว่าจะมีแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเพลี่ยงพล้ำ

การวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษา Canalys ระบุว่า โทรทัศน์กำลังจะเป็นสินค้าตัวถัดไปที่เสี่ยวมี่จะก้าวขึ้นมาท้าชิงกับผู้นำ โดยกลยุทธ์ที่เสี่ยวมี่นำมาใช้คือ “ราคา” เช่นเดียวกับที่เคยทำให้สมาร์ทโฟนประสบความสำเร็จมาแล้ว

โดยก่อนหน้านี้ เสี่ยวมี่ระบุว่าบริษัทตั้งราคาสมาร์ทโฟนโดยให้มีส่วนต่างกำไรที่น้อยมากเพียง 1 – 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพื่อให้ชาวอินเดียหันมาสนใจและมองเป็นหนึ่งในตัวเลือก แต่สิ่งที่ซ่อนไว้เบื้องหลังก็คือการที่ซีอีโออย่างนายเลย์ จุน (Lei Jun) เผยว่า ถ้าผู้บริโภคใช้บริการต่าง ๆ ในสมาร์ทโฟน เช่น เบราเซอร์ วิดีโอสตรีมมิ่ง หรือบริการออนไลน์ เสี่ยวมี่ก็สามารถทำกำไรได้เช่นกัน

สำหรับราคาของทีวีที่เสี่ยวมี่จะจำหน่ายในอินเดียนั้นมีหลากหลาย แต่รุ่นที่ถูกที่สุดคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 6,300บาทเท่านั้น เนื่องจากชาวอินเดียส่วนใหญ่มองหาทีวีในราคาที่สามารถจะจ่ายได้ (อ้างอิงจากรายงานของ TechSci Research) แต่สำหรับผู้ที่มีกำลังซื้อมากกว่านั้น ทีวีที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Mi LED Smart TV 4K ก็วางจำหน่ายในราคา 613 ดอลล่าร์ หรือประมาณ 19,000 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในอินเดียแล้ว ทีวีในคุณสมบัติเดียวกันนี้ขายอยู่ที่ 1,500 ดอลล่าร์ หรือ 47,000 บาทเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ในหลาย ๆ ตลาดกลยุทธ์ดังกล่าวทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพนัก โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟนที่อิ่มตัวแล้ว เช่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะเห็นว่า สมาร์ทโฟนที่สามารถทำยอดขายได้ในประเทศเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่มีฟีเจอร์ระดับกลางมากกว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Forbes, SCMP

Avatar photo