Technology

เปิดตลาดรถอัจฉริยะ จีน-สหรัฐบี้กันสูสี

อาลีบาบารับนักวิจัย
ภาพรถอัจฉริยะของอาลีบาบา เมื่อครั้งร่วมกับ SAIC Motor เปิดตัวรถยนต์ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการอาลีโอเอส

ภาพรวมตลาดรถอัจฉริยะสุดคึกคัก หลังจีนได้ผู้เล่นเพิ่มอีกหนึ่งรายอย่างอาลีบาบา ที่ประกาศรับสมัครนักวิจัยเพิ่มรอรับการเติบโตของตลาด ขณะที่เวย์โมก็ได้รับอนุญาตจากทางการให้ลงวิ่งทดสอบจริงแบบไม่มีพนักงานนั่งไปด้วยแล้ว โดยคาดว่าจะวิ่งทดสอบในย่านเมาท์เทนวิว แคลิฟอร์เนีย นั่นเอง

โดยการตัดสินใจของอาลีบาบา (Alibaba) สู่การแข่งขันในสนามการแข่งขันยานยนต์อัจฉริยะครั้งนี้มีขึ้นตามหลังไป่ตู้ (Baidu) และเท็นเซนต์ (Tencent) หลังมีรายงานว่า บริษัทประกาศรับสมัครผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านรถอัจฉริยะเพื่อเข้าทำงานในศูนย์วิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ของทางค่ายมากกว่า 50 คน

โดยย้อนหลังไปเมื่อเดือนมีนาคมของปี 2560 อาลีบาบาเริ่มแสดงความสนใจในด้านนี้ด้วยการดึงตัว Wang Gang ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์วิชั่น และการขับเคลื่อนอัตโนมัติจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง ประเทศสิงคโปร์มารับหน้าที่หัวหน้านักวิทยาศาตร์ของศูนย์ AI Lab ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่า อาลีบาบาอาจมองไกลไปถึงการพัฒนาระบบการจราจรของประเทศเลยทีเดียว ด้วยการเชื่อมต่ออุปกรณ์ดิจิทัล (IoT) เข้ากับระบบบริหารจัดการอันทันสมัยของทางค่าย

นอกจากนี้ยังมีคำกล่าวของ ไซมอน หู เสี่ยวหมิง (Simon Hu Xiaoming) ประธานอาลีบาบาคลาวด์ ที่เปิดเผยในงานสัมมนา คลาวด์คอมพิวติ้งว่า อาลีบาบามีแผนจะสร้างระบบเน็ตเวิร์กที่รองรับอุปกรณ์ IoT ได้มากกว่า 10,000 ล้านชิ้นภายในอีกห้าปีข้างหน้า (ปี 2566) ด้วย ซึ่งรถยนต์จะถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ IoT เพื่อเชื่อมต่อเข้าสู่เครือข่ายด้วย

โดยที่ผ่านมา อาลีบาบาได้มีการจับมือกับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ SAIC Motor เปิดตัวรถยนต์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการอาลีโอเอส (AliOS) ไปแล้ว และในปีนี้จะมีการเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการอาลีโอเอสเพิ่มอีกรายภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท Dongfeng Peugeot Citroen Automobile ด้วยเช่นกัน

ขณะที่เท็นเซนต์เองก็ได้มีรายงานจากสื่อท้องถิ่นของจีนว่า มีการทดสอบรถอัตโนมัติในย่านชานเมืองของกรุงปักกิ่งแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่ตัวแทนของเท็นเซนต์ยังไม่มีการออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด

ด้านเวย์โม (Waymo) บริษัทผู้พัฒนารถอัจฉริยะจากสหรัฐอเมริกาเองก็ได้รับอนุญาตให้นำรถยนต์ลงวิ่งทดสอบบนถนนจริงของแคลิฟอร์เนียโดยที่ไม่ต้องมีพนักงานนั่งไปด้วยแล้ว ซึ่งแคลิฟอร์เนียถือเป็นเมืองที่สองของบริษัท โดยครั้งแรกนั้นได้รับอนุญาตที่เมืองฟินิกซ์ รัฐอริโซน่า ดังปรากฏในคลิปด้านล่าง

สำหรับในระยะแรกคาดว่าจะเป็นการวิ่งทดสอบในย่านเมาท์เทนวิวซึ่งเป็นย่านที่เวย์โมน่าจะคุ้นเคยมากที่สุดแห่งหนึ่ง แต่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิ่งทดสอบ เช่น วิ่งในถนนเส้นไหน เวลาใด ฯลฯ นั้นยังไม่มีการเปิดเผยออกมา ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า ข่าวของรถอัจฉริยะในสหรัฐอเมริกาช่วงหลังนั้นมีข่าวไม่ดีเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการที่รถอัจฉริยะของอูเบอร์ (Uber) ชนคนจูงจักรยานข้ามถนนจนเสียชีวิต และกรณีของเทสล่า (Tesla) ที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้

เทรนด์อีกข้อหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในโลกของการพัฒนารถอัจฉริยะก็คือ การนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเข้ามาปรับใช้กับยานยนต์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สัญญาณ 5G อันทันสมัย กระบวนการผลิตที่ล้ำหน้า หรือแม้กระทั่งการนำพลังงานเชื้อเพลิงแบบใหม่ ๆ มาทดลองใช้งาน ซึ่งจากการคาดการณ์ของแมคคินซี่ (McKinsey) ระบุว่า จีนแผ่นดินใหญ่จะกลายเป็นตลาดรถอัจฉริยะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2573 คิดเป็นมูลค่าตลาดและบริการมากกว่า 5 แสนล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว

โดยชาวจีนผู้ตอบแบบสำรวจในครั้งนี้ถึง 98% ยอมรับว่าตนเองสนใจรถอัจฉริยะ ซึ่งสูงกว่าประเทศอย่างเยอรมนี ที่มีแค่ 69% หรือในสหรัฐอเมริกาที่มีผู้สนใจ 70% ค่อนข้างมาก

แมคคินซี่ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า รถอัจฉริยะจะมีส่วนแบ่งตลาด 13% ในปี 2573 และเขยิบขึ้นมาเป็น 66% ในปี 2583 ส่วนราคาค่าบริการนั้น คาดว่าการใช้บริการรถอัจฉริยะกับค่าบริการแท็กซี่ที่มีคนขับเป็นมนุษย์นั้นจะมีความใกล้เคียงกันมากขึ้นในระหว่างปี 2568 – 2573 ด้วย

ส่วนใครจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าวนั้น ทางแมคคินซี่เผยว่ายังเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ เนื่องจากในตอนนี้มีผู้เล่นในตลาดดังกล่าวหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ กลุ่มบริษัทเทคโนโลยี และกลุ่มผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม แต่สำหรับผู้นำในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ในขณะนี้ (ตามการประกาศของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ก็คือ “ไป่ตู้” ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนารถอัจฉริยะในระดับที่ 4 ซึ่งเป็นระดับที่รถสามารถขับเคลื่อนได้เองโดยไม่ต้องมีมนุษย์นั่งไปด้วยแล้ว

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ South China Morning Post, Techcrunch

Avatar photo