Technology

‘บล็อกเชน’ อาวุธทรงพลังโลกดิจิทัล กระตุ้นเศรษฐกิจโลก 1.76 ล้านล้านดอลลาร์

บล็อกเชน อาวุธทรงพลังโลกดิจิทัล PwC คาดกระตุ้นเศรษฐกิจโลก 1.76 ล้านล้านดอลลาร์ ปี 73 ชี้ ภาคการบริหารรัฐกิจ การศึกษา การดูแลสุขภาพ ได้รับประโยชน์สูงสุด

รายงานวิเคราะห์ฉบับใหม่ของ PwC ในหัวข้อ Time for trust: The trillion-dollar reason to rethink blockchain ระบุว่า เทคโนโลยี บล็อกเชน มีศักยภาพในการกระตุ้นผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ได้ถึง 1.76 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลกในปี 2573 หรืออีก 10 ปีจากนี้

บล็อกเชน

รายงานดังกลาว เป็นการประเมินว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน ถูกนำไปใช้อย่างไรในปัจจุบัน และสำรวจผลกระทบของบล็อกเชนที่อาจมีต่อเศรษฐกิจโลก โดยวัดศักยภาพของเทคโนโลยีบล็อกเชน ในการสร้างมูลค่าแก่อุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพ รัฐบาล และบริการสาธารณะ ตลอดจนการผลิต การเงิน การขนส่ง และการค้าปลีก

สตีฟ เดวีส์ หัวหน้าฝ่ายบล็อกเชนและพาร์ทเนอร์ของ PwC UK กล่าวว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน มีความเกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล เช่น บิตคอยน์ มายาวนาน และยังมีบทบาทได้ในอีกหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านการรักษาความปลอดภัย แบ่งปัน และใช้ข้อมูลในองค์กรภาครัฐและเอกชน

ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ ต้องต่อสู้กับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แนวโน้มการแทรกแซง ของเทคโนโลยีมากมาย ก็ถูกเร่งให้เร็วเช่นเดียวกัน รายงานวิเคราะห์ครั้งนี้ แสดงให้เห็น ศักยภาพของบล็อกเชน ในการสนับสนุนองค์กรต่าง ๆ ในการสร้าง และออกแบบการดำเนินงานใหม่

15OCT บล็อกเชนสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ รายงานระบุว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน จะถูกนำมาใช้เป็นวงกว้าง ในเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2568 โดยบล็อกเชนสามารถใช้งานได้หลากหลายและสนับสนุนบริษัทต่าง ๆ ตั้งแต่ อุตสาหกรรมหนัก ซึ่งรวมถึงการทำเหมือง ไปจนถึงแฟชัน

การนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น ของสาธารณชนและนักลงทุน ที่กำลังมองหาการจัดหาที่ยั่งยืนและมีจริยธรรม เนื่องจากความสามารถของบล็อกเชน ในการติดตาม และสืบหาผลิตภัณฑ์และบริการ หรือแหล่งที่มา ซึ่งเป็นปัจจัยใหม่ ที่ห่วงโซ่อุปทาน ของบริษัทหลายแห่ง ให้ความสำคัญ ในช่วงการระบาดของโควิด -19 ซึ่งในกลุ่มนี้ มีศักยภาพทางเศรษฐกิจมากที่สุด ถึง 9.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

technology ๒๐๑๐๑๕ 0

นอกจากนี้ ยังพบว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน ได้ถูกนำมาใช้กับ การชำระเงินและบริการทางการเงิน รวมถึงการใช้สกุลเงินดิจิทัล หรือสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการเงิน ผ่านการชำระเงินข้ามพรมแดน และการโอนเงิน โดยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจประมาณ 4.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะที่ การนำมาใช้กับการจัดการข้อมูลส่วนตัว สร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้ 2.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ การประยุกต์ใช้บล็อกเชนในสัญญาและการระงับข้อพิพาท มีมูลค่า 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า อยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

“ที่าำคัญคือ แนวโน้มการใช้บล็อกเชน ในการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ ได้ขยายศักยภาพของบล็อกเชน ไปสู่ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของรัฐบาลและเอกชนอย่างหลากหลายมากขึ้น”นายเดวีส์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของบล็อกเชน ขึ้นอยู่กับนโยบายรองรับ และ ระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่พร้อมใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ๆ ที่เทคโนโลยีได้สร้างขึ้น รวมถึง การผสมผสานอุตสาหกรรมที่เหมาะสม

หากพิจารณาตามทวีป พบว่า เอเชีย มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จากเทคโนโลยีบล็อกเชนมากที่สุด โดยเมื่อพิจารณาตามประเทศแล้ว บล็อกเชน อาจสร้างประโยชน์สุทธิสูงสุดในจีน ที่ 4.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 4.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ)

พร้อมกันนี้ คาดการณ์ว่า อีก 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร อินเดีย และฝรั่งเศส มีผลประโยชน์สุทธิมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับแต่ละประเทศ จะได้รับประโยชน์จากบล็อกเชนแตกต่างกัน โดยประเทศที่มุ่งเน้นการผลิต เช่น จีนและเยอรมนี ได้ประโยชน์มากกว่า จากการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าและบริการ ขณะที่สหรัฐ ได้รับประโยชน์มากที่สุด จากการประยุกต์ใช้บล็อกเชน ในการรักษาความปลอดภัย และการชำระเงิน รวมถึงการรับรองข้อมูล และการจัดการอัตลักษณ์

technology ๒๐๑๐๑๕

เมื่อมองเป็นรายเซ็กเตอร์ จะเห็นได้ว่า ภาคส่วนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือ ภาคการบริหารรัฐกิจ การศึกษา และการดูแลสุขภาพ ซึ่ง PwC คาดว่า ภาคส่วนเหล่านี้ จะได้ผลประโยชน์ประมาณ 5.74 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573 โดยการใช้ประโยชน์จาก ประสิทธิภาพที่บล็อกเชน จะนำมาสู่โลกแห่งการจัดการอัตลักษณ์ และการรับรองข้อมูล

ขณะเดียวกัน บล็อกเชนจะมีประโยชน์กว้างขวางมากขึ้นสำหรับบริการทางธุรกิจ การสื่อสาร และสื่อ ในขณะที่ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิต และบริการก่อสร้าง จะได้รับประโยชน์จากการใช้บล็อกเชน เพื่อดึงดูดผู้บริโภค และตอบสนองความต้องการด้านแหล่งกำเนิดและการตรวจสอบแหล่งที่มา

ผลการศึกษาของ PwC จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้นำธุรกิจ พบว่า เกือบสองในสามของซีอีโอ หรือ 61% เปิดเผยว่า การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการยกระดับการดำเนินการ และกระบวนการธุรกิจ เป็น 1 ใน 3 องค์ประกอบที่บริษัทให้ความสำคัญที่สุด เพื่อฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด-19

เมื่อพิจารณาจากการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจ ที่องค์กรต่าง ๆ กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ การใช้แนวคิดที่สามารถขยาย และปรับขนาดได้ เมื่อประสบความสำเร็จ จะช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดคุณค่า ควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจ และความโปร่งใส ในโซลูชัน เพื่อส่งมอบศักยภาพของบล็อกเชน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo