Technology

เปิดตัวแอพ MatchLink เชื่อมธุรกิจ SME ผ่านโซเชียล

Untitled
ตัวอย่างหน้าจอ

ที่ผ่านมา เราอาจได้ยินเรื่องชื่นชมในตัวเลขจีดีพีของรัฐบาลที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่า เสียงจากฟากของธุรกิจเอสเอ็มอีกลับสะท้อนข้อมูลอีกด้าน โดยมีหลายแบรนด์ที่ประสบปัญหาด้านยอดขาย และไม่สามารถ Go Digital ได้อย่างที่รัฐบาลตั้งความหวังไว้ ด้วยเหตุนี้ จึงเริ่มมีหลายฝ่ายยื่นมือเข้ามา รวมถึงมองหาโซลูชันต่าง ๆ ที่คาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ล่าสุดเป็นการพัฒนาแอพพลิเคชัน “MatchLink” (อ่านว่าแมชลิงค์) ของค่ายบิซิเนส ออนไลน์ ที่หวังสร้างให้เป็น Social Business Platform สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในการสร้างธุรกิจ และเจรจาการค้าให้รับกับยุคดิจิทัลมากขึ้น

โดยนายชัยพร เกียรตินันทวิมล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและกรรมการบริษัท บิซิเนส ออนไลน์ จำกัด (มหาชน) เผยว่า ในประเทศที่พัฒนาแล้ว กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีส่วนช่วยให้ GDP ขยายตัวได้สูงถึง 70% ซึ่งมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ แต่ความท้าทายที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องผ่านไปให้ก็มีเช่นกัน โดยในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยนั้น สิ่งที่ต้องก้าวข้ามไปในมุมที่นายชัยพรมองว่าจำเป็น อาจแบ่งได้เป็น 3 หัวข้อใหญ่ ๆ ได้แก่

1. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ยังไม่มากพอ โดยที่ผ่านมา การทำธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยยังเป็นรูปแบบเดิม ๆ เช่น มีการแลกนามบัตร มีการใช้อีเมลสอบถามข้อมูล หรือใช้การโทรศัพท์ การเข้าไปพบปะ ฯลฯ เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ และนำไปสู่การซื้อขาย ขณะที่ในโลกดิจิทัล การซื้อขายสามารถเกิดขึ้นได้บนแพลตฟอร์ม ผู้ซื้อผู้ขายไม่จำเป็นต้องรู้จัก หรือได้พบหน้ากันก่อนอีกต่อไป หากแพลตฟอร์มมีข้อมูลมากพอที่จะยืนยันความน่าเชื่อถือของผู้ค้าแต่ละรายให้แทนได้

2. มีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือ ทั้งจากฝั่งลูกค้า ซัพพลายเออร์ และสถาบันการเงิน ซึ่งในแต่ละฝั่งก็ต้องการข้อมูลประกอบเพื่อพิจารณาด้านความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกัน

3. ขาดการสร้างเน็ตเวิร์ก ปัจจุบัน กระบวนการสร้างเน็ตเวิร์กยังคงจำกัดเฉพาะบางกลุ่ม จึงทำให้มีผู้ประกอบการบางส่วนไม่ได้รับโอกาสนี้ และพลาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย

โดยหน้าตาของแพลตฟอร์มจะมีอินเทอร์เฟสที่บ่งบอกถึงความเป็นโซเชียลมีเดีย ซึ่งการพัฒนาในจุดนี้สะท้อนมาจากข้อมูลของ Hootsuite ที่พบว่า ปัจจุบันผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของประเทศไทยที่ 57 ล้านคนนั้น มีผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียมากถึง 51 ล้านคน หรือคิดเป็น 74% ของประชากร อีกข้อที่สำคัญก็คือ อุปกรณ์ที่คนไทยใช้ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากที่สุดก็คือ “สมาร์ทโฟน” คิดเป็น 69% ของอุปกรณ์ทั้งหมด (รองลงมาเป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปหรือโน้ตบุ๊ก 28% และแท็บเล็ตอีก 4%) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า รูปแบบการแสดงผลที่เหมาะสมจึงอาจต้องเป็นแอพพลิเคชันมากกว่า Web Based

Pic 8091 re
นายชัยพร เกียรตินันทวิมล

“เรามาถึงจุดที่เทคโนโลยี พฤติกรรมของผู้บริโภค และข้อมูลต่าง ๆ สามารถนำมาทำอะไรได้มากขึ้น เลยเป็นที่มาของการพัฒนาแอพพลิเคชัน MatchLink ซึ่งเป็น Social Business Platform เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ” นายชัยพรกล่าว

สำหรับการทำงานของแพลตฟอร์ม จะเข้ามาตอบโจทย์ความท้าทายทั้งสามประการที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยขาดอยู่ ประการแรก คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อลดงานที่ไม่จำเป็นของผู้ประกอบการลง เช่น จากเดิมต้องแลกนามบัตร ต้องทำความรู้จักกับบริษัทอื่น ๆ เข้าไปแนะนำตัว ก็ให้เปลี่ยนมาเจรจาได้บนแพลตฟอร์มที่มีเทคโนโลยีต่าง ๆ คอยสนับสนุน

หรือในด้านความน่าเชื่อถือ ผู้ประกอบการที่สมัครเข้าใช้งาน จะได้รับการตรวจสอบจากระบบก่อนเพื่อยืนยันตัวตนผ่านเอกสารที่ทางราชการออกให้ จากนั้นจึงจะสามารถสร้างนามบัตรดิจิทัล และ Business Page ได้ (จะคล้าย ๆ การสร้าง Page บนเฟซบุ๊ก) รวมถึงสามารถเชื่อมโยงตัวตนกับ Business Page มาไว้ด้วยกันได้ และข้อสุดท้ายคือเรื่องของการสร้างเน็ตเวิร์ก บนแพลตฟอร์มมีส่วนของการแชท และการตั้งกรุ๊ปแชทไว้รองรับ ในกรณีที่ต้องการเจรจาธุรกิจ  นอกจากบริการที่แพลตฟอร์มมีไว้รองรับผู้ใช้งานอยู่แล้วอย่างบริการเสิร์ช การซื้อขายทางธุรกิจ และการขอกู้จากสถาบันการเงิน

โดยจุดเด่นที่นายชัยพรมองว่า MatchLink มีคือฐานข้อมูลของธุรกิจ 1.5 ล้านราย ที่ BOL เก็บมาตั้งแต่ปี 2540 และระบบจะนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ในการประเมินว่า บริษัทใดมีความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจด้วยมากกว่ากัน เพื่อให้ผู้ซื้อตัดสินใจเลือกบริษัทได้อย่างรอบคอบมากขึ้น และในจุดนี้ก็เป็นผลดีต่อสถาบันการเงินด้วยที่สามารถคัดกรองการให้สินเชื่อกับกลุ่มเอสเอ็มอีได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

“ที่ผ่านมา เราขายข้อมูล 20 บาทต่อหนึ่งรายชื่อ ขายโดยที่เราไม่ได้สนใจว่ารายชื่อนั้นมีความสนใจซื้อสินค้าหรือบริการของเราหรือเปล่า คุณแค่รู้เฉย ๆ ว่าบริษัทนี้อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ แล้วก็ไปเลือกติดต่อกันเอง สมมติซื้อมา 1,000 บริษัทอาจสามารถเจรจาการค้ากันได้ 30 บริษัท และใน 30 บริษัทอาจปิดการขายได้ 3 บริษัท ไม่นับว่าต้องเสียเวลาโทรศัพท์ เสียเวลาเข้าไปพบ ฯลฯ แต่สำหรับระบบของ MatchLink นี้ เมื่อเราโพสต์ขาย-ซื้อไป ฝั่งของผู้ที่สนใจจะสามารถส่งใบเสนอราคาเข้ามาให้เราได้เลยตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เราสามารถมองเห็นได้เลยว่าใครกันบ้างที่สนใจซื้อ-ขาย สินค้าจากเรา และเราจะเลือกทำธุรกิจกับผู้ประกอบการรายใดก็ตัดสินใจได้จากข้อมูลที่มีอยู่”

สำหรับการพัฒนานั้น ภายในปลายปี ระบบจะสามารถแสดงผลบนเดสก์ทอปได้ (เปิดผ่านเว็บเบราเซอร์), เปิดให้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินได้, สามารถแชทกับธุรกิจที่สนใจได้ และภายในไตรมาส 1 ของปีหน้า ระบบจะสามารถโพสต์แบบระบุกลุ่มเป้าหมายได้ และสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้

Avatar photo