การ์ทเนอร์ คาดการณ์ปี 2568 รายได้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะเติบโต 14% คิดเป็นมูลค่ารวม 7.17 แสนล้านดอลลาร์ จากปีนี้คาดมีรายได้เติบโต 19%
การ์ทเนอร์ คาดการณ์รายได้ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกจะเติบโตขึ้น 14% ในปี 2568 คิดเป็นมูลค่ารวมอยู่ที่ 7.17 แสนล้านดอลลาร์ สำหรับปีนี้ คาดการณ์ตลาดจะเติบโตที่ 19% โดยจะมีมูลค่าแตะ 6.3 แสนล้านดอลลาร์
หลังจากตลาดถดถอยในปี 2566 รายได้ของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังฟื้นตัวและคาดว่าจะกลับมาเติบโตระดับเลขสองหลักในปีนี้และปีหน้า
ราจีฟ ราชบุตร นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า การเติบโตนี้มาจากปัจจัยความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของเซมิคอนดักเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับ AI และการฟื้นตัวในภาคการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ความต้องการภาคยานยนต์และภาคอุตสาหกรรมยังคงอ่อนแอ
ในระยะสั้นตลาดหน่วยความจำ (Memory) และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) จะเป็นปัจจัยกระตุ้นรายได้ให้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าตลาด Memory ทั่วโลกจะมีรายได้เติบโต 20.5% ในปี 2568 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.96 แสนล้านดอลลาร์ โดยปัญหาการขาดแคลนอุปทานอย่างต่อเนื่องในปีนี้ จะส่งผลให้ราคาหน่วยความจำประเภท NAND เพิ่มขึ้น 60% ในปีนี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาในปีหน้ามีแนวโน้มลดลง 3% เนื่องจากอุปทานและราคาที่ลดลงในปี 2568 คาดว่ารายได้หน่วยความจำแฟลช NAND จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 7.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2567
ปัญหาการขาดแคลนอุปทานที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้อุปสงค์และอุปทานของชิป DRAM กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง โดยการผลิตหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงหรือ High-Bandwidth Memory (HBM) ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ผนวกกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคา Double Data Rate 5 หรือ DDR5 ที่สูงขึ้น คาดว่าภาพรวมรายได้ชิป DRAM ในปี 2568 จะมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 1.15 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจาก 9 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีนี้
ผลกระทบ AI กับตลาดเซมิคอนดักเตอร์
ตั้งแต่ปี 2566 ชิป GPU มีส่วนสำคัญต่อการใช้ฝึกฝนและพัฒนาโมเดล AI ต่าง ๆ โดยคาดว่าตลาดนี้จะมีรายได้รวมที่ 5.1 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้น 27% ในปี 2568
จอร์จ บร็อคเคิลเฮิร์สต์ รองประธานนักวิเคราะห์การ์ทเนอร์ เผยว่า อย่างไรก็ตาม ตลาดนี้กำลังเปลี่ยนไปสู่ระยะที่มุ่งหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ซึ่งต้องการเห็นรายได้เติบโตเป็นหลายเท่าจากเม็ดเงินที่ลงทุนไปกับการฝึกฝนนั่นเอง
หนึ่งในนั้นคือการเพิ่มขึ้นอย่างมากของความต้องการชิป HBM ซึ่งเป็นโซลูชันหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงของเซิร์ฟเวอร์ AI โดยผู้ผลิตกำลังลงทุนกับการผลิตและบรรจุภัณฑ์ของชิป HBM อย่างมาก เพื่อให้สอดรับความต้องการของชิป GPU และชิป AI Accelerator รุ่นใหม่ ๆ
การ์ทเนอร์คาดว่ารายได้ชิป HBM ในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 284% และเพิ่ม 70% ในปี 2568 โดยคิดเป็นมูลค่า 1.23 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามลำดับ
นักวิเคราะห์การ์ทเนอร์คาดว่า ภายในปี 2569 ชิป HBM กว่า 40% จะรองรับการประมวลผล AI แบบอนุมาน เทียบกับในปัจจุบันที่มีน้อยกว่า 30% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการใช้งานการอนุมานที่เพิ่มขึ้นและข้อจำกัดในการนำชิป GPU สำหรับการฝึกฝนมาใช้ใหม่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘KBTG’ ปักธง ปี 2568 บุกยุค ‘Agentic AI’ พัฒนาบุคลากร ควบคู่เทคโนโลยี AI
- ‘ยอดผลิตเซมิคอนดักเตอร์’ เกาหลีใต้ หดตัวครั้งแรกรอบ 14 เดือน ส่งสัญญาณความต้องการซบ
- เฮ!! ส่งออกไทย ต.ค. ขยายตัว 4.6% ดัน 10 เดือนแตะ 2.5 แสนล้านดอลลาร์
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg