Technology

ชาวไทยขึ้นแท่นผู้นำใช้ แอปฯโมบายแบงก์กิ้ง ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วีซ่า เผยประเทศไทยขึ้นแท่นผู้นำการใช้แอปฯโมบายแบงก์กิ้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 97% ใช้งานแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งอย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น

วีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก เผยข้อมูลที่น่าสนใจจากการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคประจำปีฉบับล่าสุดของวีซ่า (Visa Consumer Payment Attitudes Study) ว่าประเทศไทยเป็นผู้นำด้านความถี่ในการใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

แอปฯโมบายแบงก์กิ้ง

ทั้งนี้ อ้างอิงจากการศึกษาล่าสุดพบว่า 97% ของผู้บริโภคชาวไทยบอกว่า พวกเขาใช้งานแอปฯโมบายแบงก์กิ้ง อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์หรือมากกว่านั้น ตามมาด้วยผู้บริโภคชาวเวียดนาม (95%) และชาวอินโดนีเซีย (90%)

นอกจากนี้ ยังพบว่า โดยเฉลี่ยเกือบเก้าในสิบ (89%) ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้แอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งแอปพลิเคชันโมบายแบงก์กิ้งยังเป็นการทำธุรกรรมออนไลน์ที่คนเลือกใช้มากที่สุดในทุกประเทศที่ทำการสำรวจ โดยประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยตัวเลข 96% ของผู้บริโภคที่ระบุว่านิยมใช้แอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ มากกว่าบริการบนเว็บไซต์ ตามด้วยผู้บริโภคชาวอินโดนีเซีย (95%) และชาวเวียดนาม (92%)

นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย กล่าวว่า การชำระเงินแบบดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกในการชำระเงินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านบัตรคอนแทคเลส สมาร์ทโฟน และการสแกนคิวอาร์โค้ด

วีซ่า

ขณะเดียวกัน ยังเห็นการชำระเงินแบบดิจิทัลได้รับการยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ตั้งแต่ร้านอาหารขนาดย่อมไปจนถึงผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ วีซ่า มุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในระบบนิเวศการชำระเงินเพื่อมอบประสบการณ์การชำระเงินดิจิทัลที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ให้แก่ทุกคนในทุกที่ทุกเวลา

การศึกษาของวีซ่ายังระบุว่า 46% ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พกเงินสดน้อยลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นำโดยชาวเวียดนาม (56%) มาเลเซีย (49%) และไทย (47%) ซึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาพกเงินสดน้อยลง คือ ใช้จ่ายผ่านการชำระเงินแบบดิจิทัลในรูปแบบคอนแทคเลส หรือไร้สัมผัสมากขึ้น มีสถานที่รับชำระเงินแบบดิจิทัลมากขึ้น และกังวลว่าเงินสดจะสูญหายหรือถูกขโมย

ในส่วนของเทคโนโลยี Generative AI หรือ Gen AI ก็ค่อยๆ เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย 75% เคยได้ยินเกี่ยวกับคอนเซปต์ หรือรู้ว่ามันคืออะไร

สำหรับ Gen AI ในบริบทของการให้บริการทางการเงินนั้น หนึ่งในสามของผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (32%) ระบุว่าเคยใช้งาน Gen AI มาแล้ว ขณะที่ 38% รู้จักแต่ไม่เคยใช้งานมาก่อน และหากจำแนกตามกลุ่มผู้บริโภคจะพบว่า ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง (51%) จะคุ้นเคยกับ Gen AI มากกว่า เมื่อเทียบกับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป (37%)

ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา
ปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา

นอกจากอัตราการรับรู้ที่สูงแล้ว บริการที่ผู้บริโภคในภูมิภาคนี้กำลังมองหาจาก Gen AI ในการทำธุรกรรมมากที่สุดสามอันดับแรก คือ การแจ้งเตือนธุรกรรมที่อาจเกิดการฉ้อโกงหรือตรวจจับการฉ้อโกง (79%) การโต้ตอบกับลูกค้าที่สอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ (73%) และการแนะนำผลิตภัณฑ์ด้านการเงินแบบเฉพาะบุคคล (71%)

การชำระเงินแบบเรียลไทม์ (Real-time payments หรือ RTP) ก็เป็นอีกทางเลือกที่กำลังแพร่หลายอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยมีผู้บริโภคชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 76% รู้จักวิธีการชำระเงินในรูปแบบนี้ และ 47% เคยใช้บริการโอนเงินแบบเรียลไทม์มาก่อน

ขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับแรกของภูมิภาคในด้านความถี่ของการใช้บริการชำระเงินแบบเรียลไทม์ โดย 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์อย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ตามด้วยเวียดนามที่ 84% และอินโดนีเซียที่ 69%

แม้การชำระเงินแบบเรียลไทม์จะเป็นที่รู้จักและมีอัตราการยอมรับสูง แต่ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ยังคงสงวนท่าทีในการเลือกชำระเงินในรูปแบบนี้ โดยข้อกังวลลำดับต้น ๆ ที่ทำให้พวกเขาลังเลคือ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (44%) ชอบชำระเงินดิจิทัลรูปแบบอื่นมากกว่า เช่น บัตรเครดิต/ บัตรเดบิต (42%) และขาดความเข้าใจในการใช้งาน (41%)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo