สถานการณ์อูเบอร์ (Uber) บริการ Ride-Sharing ในอังกฤษส่อแววไม่ค่อยดี หลังเมืองไบร์ทตัน ประกาศยกเลิกใบอนุญาตของอูเบอร์เป็นเมืองที่สาม ตามหลังกรุงลอนดอน และเมืองยอร์ก
สำหรับเหตุผลที่เมืองไบร์ทตันยกขึ้นมากล่าวอ้างก็คือ บริการของอูเบอร์ไม่เหมาะสมเพียงพอ โดยส่วนหนึ่งมาจากประเด็นเรื่องข้อมูลของผู้ใช้งานและพาร์ทเนอร์ร่วมขับที่รั่วไหล และอีกประเด็นหนึ่งมาจากเรื่องใบอนุญาตขับขี่สาธารณะที่อูเบอร์มีพาร์ทเนอร์ร่วมขับเพียง 62 ราย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางเมืองมีการเข้มงวดเรื่องการออกใบอนุญาตมากขึ้น และทำให้คนขับอูเบอร์จำนวนมากใช้ใบอนุญาตที่ได้จากเมืองใกล้เคียงอย่าง Lewes มาใช้ในการขับรถให้บริการในไบร์ทตันแทน
แน่นอนว่า ทางอูเบอร์ได้ออกมาแสดงความผิดหวังต่อการประกาศเพิกถอนใบอนุญาตครั้งนี้
แจ็คกี้ โอควินน์ (Jackie O’Quinn) ประธานสมาชิกสภาการออกใบอนุญาต (the licensing panel Councillor) กล่าวว่า หลักในการพิจารณาของเราคือคำนึงถึงความปลอดภัยของชาวเมืองและนักเดินทาง โดยเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหล และการขาดความรับผิดชอบในการใช้ใบอนุญาตขับขี่ จึงทำให้อูเบอร์ไม่เหมาะสมที่จะถือใบอนุญาตเอาไว้ได้อีกต่อไป
สำหรับเมืองไบร์ทตันถือเป็นเมืองที่สามของอังกฤษที่ยกเลิกใบอนุญาตของอูเบอร์ ตามหลังกรุงลอนดอนในเดือนกันยายน และเมืองยอร์กในเดือนธันวาคม
ขณะที่ผลประกอบการของอูเบอร์ในปี 2560 ที่ผ่านมา พบว่า บริษัทมีตัวเลขขาดทุนสูงถึง 6 พันล้านดอลล่าร์ นอกจากนี้ยังถูกวุฒิสภาตรวจสอบเรื่องการหลบเลี่ยงภาษีในปี 2559 อีกด้วย
สำหรับอูเบอร์นั้น ประเทศที่ได้น่าสนใจอาจเป็นออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีผลประกอบการเป็นบวกด้วยกำไร 4.4 ล้านดอลล่าร์ จากรายได้ทั้งสิ้น 151.5 ล้านดอลล่าร์ โดยรายได้หลัก ๆ มาจากพาร์ทเนอร์ร่วมขับ และบริการจัดส่งสิ่งของและอาหารเช่น อูเบอร์อีทส์ (Uber EATS)
ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่อูเบอร์ ออสเตรเลีย แถลงนั้นประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 89 ล้านดอลล่าร์ ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด 26.6 ล้านดอลล่าร์ และจ่ายภาษีในปี 2560 ไป 7.4 ล้านดอลล่าร์ โดยมีพนักงานทั้งสิ้น 269 คน
นอกจากนี้ หากพิจารณาย้อนหลังไป พบว่า อูเบอร์ ออสเตรเลียนั้นมีผลประกอบการกำไรมาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเป็นปีแรกที่บริษัทเข้ามาเปิดให้บริการในออสเตรเลียแล้ว โดยในยุคนั้น อูเบอร์ยังเป็นบริการที่ผิดกฎหมาย แต่ก็สามารถทำเงินได้ตั้งแต่เปิดบริการถึงวันสิ้นสุดงบการเงิน 11 กันยายน 2555 – 30 มิถุนายน 2556 ถึง 804,000 ดอลล่าร์
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ Financial Review, Business Insider
