มีการรายงานว่า แอพพลิเคชันสำหรับติดต่อสื่อสารภายในองค์กรอย่าง Slack (สแล็ค) ปิดการทำงานของผู้ใช้บางรายที่เดินทางไปยังประเทศที่สหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร
สแล็คออกมากล่าวถึงการปิดการให้บริการในผู้ใช้บางรายนี้ว่า เป็นการปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐบาลสหรัฐ ที่ต้องการให้ปิดการใช้งานของแอพลงในกรณีที่ผู้ใช้งานเดินทางไปยังประเทศเช่น อิหร่าน หรือเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ดี โซเชียลมีเดียยี่ห้ออื่น ๆ กลับให้คำตอบที่ต่างออกไป โดยไม่มีใครบอกว่ามีข้อกำหนดแบบที่สแล็คอ้างเลยนั่นเอง
แต่นอกจากสองประเทศที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สแล็คยังกล่าวด้วยว่า ผู้ใช้งานสแล็คที่เดินทางไปคิวบา, ซีเรีย และสาธารณรัฐไครเมีย ก็อาจใช้งานแอพไม่ได้เช่นกัน
การออกมาตอบของสแล็คทำให้เกิดเสียงไม่พอใจในหมู่ผู้ใช้งานจำนวนหนึ่ง เนื่องจากมองว่าการปิดการทำงานของแอพทำให้ไม่สามารถเข้าถึงไฟล์งานและข้อความที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ได้ โดยปัจจุบัน สแล็ค มีผู้เข้าใช้งานต่อวันเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ล้านคน จากบริษัทกว่าพันแห่ง รวมถึงบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Airbnb และ Ticketmaster ด้วย
การแบนผู้ใช้งานของสแล็ค ยังทำให้เกิดแฮชแท็ก #SlackBan ขึ้นบนโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ด้วย โดยมีผู้ใช้งานจำนวนมากออกมาแชร์ประสบการณ์การถูกแบนของตัวเองกันพอสมควร เช่น ผู้ใช้รายหนึ่งในแคนาดาที่ไม่เคยเดินทางไปยังประเทศเหล่านั้นเลย ก็ยังถูกสแล็คแบน ในจุดนี้ สแล็คออกมาชี้แจงว่า เหตุที่ต้องแบนเพราะมีการใช้สแล็คในคิวบา อิหร่าน เกาหลีเหนือ ซีเรีย และไครเมีย ที่ขัดต่อกฎหมายของสหรัฐอเมริกา แต่บริษัทจะมีการตรวจสอบในผู้ใช้บางรายที่อาจมีการแบนผิดพลาดไป เพราะเป็นการแบนโดยอิงจาก IP ที่สร้างขึ้นเป็นหลัก
