Digital Economy

กวาดล้าง ‘เครือข่ายแฮ็กเกอร์ข้ามชาติ’ ภารกิจที่ยากเกินคาด

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือได้โจมตีโครงข่ายคอมพิวเตอร์ของหน่วยงาน และองค์กรต่าง ๆ หลายแห่งในสหรัฐ นับตั้งแต่โรงเรียน โรงพยาบาล ระบบสาธารณูปโภค ธุรกิจเอกชน จนถึงหน่วยงานรัฐบาล

ถึงแม้เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของสหรัฐ จะกล่าวว่าสหรัฐ พร้อมจะใช้อำนาจ รวมถึงเครื่องมือทุกอย่างที่มีอยู่ เพื่อทำลายเครือข่ายอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งทำงานจากนอกอาณาเขตของสหรัฐ ก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องนี้อาจมีปัญหาอุปสรรคมากกว่าที่คาด

shutterstock 68007501hhhh

วัตถุประสงค์หลักของกลุ่มข้ามชาติที่ประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ หรือ ไซเบอร์ ไครม์ (cyber crime) คือ การปล่อยซอฟต์แวร์ ที่เรียกว่า แรนซัมแวร์ (ransomware) หรือ มัลแวร์เรียกค่าไถ่ เข้ายึดระบบคอมพิวเตอร์ไว้เป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เหยื่อ หรือเป้าหมาย ต้องยอมจ่ายค่าไถ่ หรือค่าตอบแทน เพื่อแลกกับการสามารถกลับไปใช้งานเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของตนได้ตามเดิม

แม้จะมีความคืบหน้าเกิดขึ้น ในกรณีการใช้ ransomware ที่กลุ่มแฮ็กเกอร์ หรืออาชญากรที่มุ่งเจาะล้วงระบบคอมพิวเตอร์ได้โจมตีคอมพิวเตอร์ของบริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ ผู้ดำเนินงานท่อส่งน้ำมันรายใหญ่ในภาคตะวันออกของสหรัฐ โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ได้แถลงเมื่อวันจันทร์ (7 มิ.ย.) ว่า สามารถติดตามเงินค่าไถ่จำนวน 4,400,000 ดอลลาร์กลับมาได้ส่วนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสกัดกั้น และทำลายเครือข่ายอาชญากรทางคอมพิวเตอร์ข้ามชาตินี้ อาจจะมีปัญหาซับซ้อนมากกว่าที่คิดกัน

เมื่อไม่นานมานี้ พล.อ.พอล นากาโซเน ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ และผู้บัญชาการหน่วยงานด้านไซเบอร์ ของสหรัฐ กล่าวว่าสหรัฐ จะใช้อำนาจและเครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่ รวมถึงทรัพยากรต่าง ๆ ของกระทรวงกลาโหม เพื่อทำลายโครงสร้างของกลุ่มอาชญากรคอมพิวเตอร์ข้ามชาติ ที่ปฏิบัติงานอยู่นอกประเทศ

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ก็มีแผนจะหยิบยกประเด็นที่รัสเซียดูเหมือนจะให้ความสนับสนุนกลุ่มอาชญากรทางคอมพิวเตอร์เหล่านี้ขึ้นหารือด้วย

แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำงานของกลุ่มดังกล่าว ก็อาจทำให้การแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว และสมบูรณ์ เป็นเรื่องยาก

ประการแรกสุด ขณะนี้มีอาชญากรทางระบบไซเบอร์ ซึ่งอยู่ในรายชื่อที่เอฟบีไอต้องการตัวมากที่สุดถึงกว่า 100 คนด้วยกัน และอาชญากรเหล่านี้ บางคนก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ด้วยซ้ำไป

ตัวอย่างเช่น นายอีฟกินีย์ โบกาเชฟ ซึ่งถูกตั้งข้อหาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว จากกรณีการขโมยข้อมูลของธนาคาร ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตอย่างสุขสำราญอยู่ที่เมืองตากอากาศชายทะเลแห่งหนึ่งของรัสเซีย โดยเอฟบีไอ ระบุว่า นายโบกาเชฟ ผู้นี้แล่นเรืออย่างมีความสุขอยู่ในทะเลดำด้วยซ้ำไป

shutterstock 578912143

ปัญหาถัดมาก็คือ กลุ่มอาชญากรทางคอมพิวเตอร์เหล่านี้ สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้สะดวก โดยไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ สำนักงาน หรือที่ตั้งที่แน่นอน เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการ มีเพียง คอมพิวเตอร์เท่านั้น

นอกจากนั้น กลุ่มบุคคลดังกล่าว ยังสามารถปิดบังเอกลักษณ์ตัวตน และแบ่งปันทรัพยากรให้กลุ่มอื่นได้ร่วมใช้ด้วย อย่างเช่น “ดาร์กไซด์” ซึ่งเป็นกลุ่มที่โจมตีระบบท่อส่งน้ำมันของโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ในสหรัฐ ได้อนุญาตให้กลุ่มอาชญากรทางคอมพิวเตอร์อื่น ๆ ใช้มัลแวร์เรียกค่าไถ่ของตัวเอง โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นข้อแลกเปลี่ยนต่าง ๆ

เมื่อเดือนพฤษภาคม หลังจากที่กลุ่มดาร์กไซด์ ซึ่งดำเนินงานจากดินแดนของรัสเซีย โจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของโคโลเนียล ไปป์ไลน์ แล้ว อาชญากรทางคอมพิวเตอร์อีกกลุ่มหนึ่ง ที่เชื่อว่า มีความเชื่อมโยงกับรัสเซีย ก็ได้เจาะล้วง และเผยแพร่ข้อมูลลับของกองบัญชาการตำรวจในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และกลุ่มจากรัสเซียอีกกลุ่มก็ใช้ แรนซัมแวร์ โจมตีบริษัท เจบีเอส ของบราซิล ซึ่งเป็นธุรกิจผู้ผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่อันดับ 2 ที่ป้อนตลาดผู้บริโภคในสหรัฐ ด้วย

หลังจากเหตุการณ์ที่ว่านี้แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นางเจน ซากิโฆษกทำเนียบขาวได้แถลงว่าสหรัฐ จะพิจารณาทางเลือกทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อดำเนินการกับกลุ่มเหล่านี้แต่ก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตามกลุ่มแฮ็คเกอร์ก็ได้ตอบโต้เช่นกันด้วยการประกาศว่า “เราไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด”

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo