มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กกล่าวยอมรับผิดและ “ขอโทษ” อีกครั้งต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา สหรัฐอเมริกา ในกรณีที่บริษัทประมาทในการควบคุมดูแลระบบ และปล่อยให้เคมบริดจ์ อะนาไลติกา สามารถดึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานออกไปมากถึง 87 ล้านแอคเคาน์
โดยในการเข้ารับฟังและตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐในครั้งนี้มีขึ้นในระหว่างวันที่ 10 – 11 เมษายนตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งมีวุฒิสมาชิกเข้าร่วม 44 ราย และสิ่งที่ซีอีโอเฟซบุ๊กถูกซักถามนั้นมีหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นกรณีของการผูกขาดของแพลตฟอร์ม การขาดการตรวจสอบรูปแบบการทรานสเฟอร์ข้อมูล ไปจนถึงการแสดงผลโฆษณาของแพลตฟอร์ม ซึ่งผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการเข้ารับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้คือการออกกฎหมายใหม่ที่เข้มงวดมากขึ้นกับการจัดการข้อมูล ซึ่งมีผลให้ความสามารถในการทำเงินจากการโฆษณาของเฟซบุ๊กลดลง
นอกจากนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ยังเผยด้วยว่าเฟซบุ๊กอยู่ระหว่างการตรวจสอบแอปพลิเคชันที่เข้าถึงข้อมูลของเฟซบุ๊กในอดีต และหากพบว่ามีการนำข้อมูลผู้ใช้ออกไปอย่างไม่ถูกต้อง เฟซบุ๊กก็พร้อมจะแบนแอปพลิเคชันเหล่านั้น และแจ้งเตือนกับผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคนด้วย
อย่างไรก็ดี ในการเข้ารับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ มีหลายจุดที่มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กประสบปัญหาตอบไม่ได้ หรือตะกุกตะกักอยู่เช่นกัน อาทิ กรณีวุฒิสมาชิก ลินซีย์ เกรแฮมที่ถามเขาว่า ใครคือคู่แข่งคนสำคัญที่สุดของเฟซบุ๊ก ซึ่งมาร์ค ซักเคอร์เบิร์กเลือกที่จะตอบว่า เฟซบุ๊กมีคู่แข่งจำนวนมาก แทนการตอบชื่อของผู้ที่น่าจะเป็นคู่แข่งออกมาตรง ๆ ซึ่งนั่นทำให้วุฒิสมาชิกเกรแฮมดึงเข้าไปสู่เรื่องของการผูกขาดทางการค้าในที่สุด
หรือกรณีที่วุฒิสมาชิก ชัค กราสลีย์ (Chuck Grassley) สอบถามเขาว่า เฟซบุ๊กเคยมีการตรวจสอบกระบวนการลบข้อมูลที่ถูกดึงออกไปอย่างไม่เหมาะสมด้วยหรือไม่ ถ้ามี เกิดขึ้นกี่ครั้ง ซึ่งในจุดนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กมีอาการตะกุกตะกัก ตอบได้แค่ว่ามี แต่ไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่าการตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นในลักษณะใด ซึ่งเมื่อถูกถามจี้หนักเข้า เขาทำได้แค่กะพริบตาปริบ ๆ แทนคำตอบ
ทั้งนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กกล่าวด้วยว่า สิ่งที่เขาเสียใจที่สุดในการก่อตั้งบริษัทก็คือการเสียท่าให้กับกลุ่มปฏิบัติการจากรัสเซียที่เข้าใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเฟซบุ๊กต้องมีการลงทุนเพิ่มเพื่อให้สามารถก้าวทันคู่แข่งเหล่านี้ด้วย
โดยก่อนหน้าที่เขาจะเข้าพบวุฒิสมาชิกนั้น มาร์ค ซักเคอร์เบิร์กได้โพสต์ในเพจบนเฟซบุ๊กว่า เขาจะไม่เพียงแต่พัฒนาเครื่องมือ แต่จะทำให้ผู้ใช้มั่นใจด้วยว่า เครื่องมือนั้นต้องดีพอ และเฟซบุ๊กคือพื้นที่ที่ให้ทุกคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
เรียบเรียงจาก Aljazeera, TheAtlantic
