“ดีแทค” รับใบอนุญาต “คลื่นความถี่ 700 MHz” เดินหน้าขยายบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ยกระดับสัญญาณ เพิ่มประสบการณ์ใช้งานให้กับลูกค้า เร่งพัฒนาสัญญาณอย่างต่อเนื่องในปีหน้า
นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยในวันนี้ (24 ธ.ค.)ว่า หลังจากที่ “ดีแทค ไตรเน็ต” ได้รับใบอนุญาตคลื่นความถี่ 700 MHz จากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แล้ว
บริษัทจะเดินหน้าขยายบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง บนมือถือ โดยจะเปิดให้บริการในภูมิภาคต่างๆ ตามที่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานคลื่นความถี่ เพื่อนำเทคโนโลยีสื่อสารอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ให้ลูกค้าดีแทคได้ใช้งาน
คลื่น 700 MHz หรือคลื่นความถี่ต่ำนี้ มีประสิทธิภาพเพิ่มการเข้าถึงพื้นที่ใช้งาน จึงจะมายกระดับสัญญาณ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ใช้งานให้กับลูกค้า ซึ่งดีแทคได้เตรียมให้บริการอย่างเต็มที่ และดำเนินการขยายโครงข่าย รวมทั้งยังเร่งพัฒนาสัญญาณอย่างต่อเนื่องในปีหน้า
โดยพืนที่ที่จะเปิดให้บริการคลื่นความถี่ใหม่นี้ ครอบคลุมถึง กรุงเทพและปริมณฑล พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
นายชารัด กล่าวด้วยว่า ประมาณกลางเดือนมกราคมปีหน้า ดีแทคจะขยายบริการประมาณ 2,000 แห่งทั่วประเทศ และเร่งเดินหน้าขยายสถานีฐานทั่วประเทศต่อไป
“ดีแทคให้ความสำคัญในการเชื่อมต่อการใช้งานของลูกค้า โดยความต้องการใช้งานดาต้าเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่าตัวในปีนี้ เราดำเนินการเร่งขยายคลื่น 700 MHz เพื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือของลูกค้าทั่วประเทศ””
ทั้งนี้ คลื่นความถี่ต่ำ 700 MHz จะเพิ่มสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล และอาคารสูงสำหรับพื้นที่ในเมือง กล่าวคือ คลื่น 700 MHz จะเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการนอกเหนือจากความสำเร็จ ที่ดีแทคได้เปิดให้บริการบนคลื่น 2300 MHz ของทีโอที
พร้อมกันนี้ ดีแทคจะเร่งขยาย Massive MIMO เทคโนโลยีความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ใช้งานหนาแน่นทั่วประเทศให้รับส่งข้อมูลดีขึ้นถึง 3 เท่า อีกด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ดีแทค’ เดินหน้าชดเชยเต็มที่ ซีอีโอพบลูกค้า ขออภัยเหตุขัดข้อง กรณีลงทะเบียนคนละครึ่ง
- มือถือเก่า ปีละ 14 ล้านเครื่อง ดีแทคชวน ‘ทิ้งให้ดี’ ป้องกันเป็นภัยทำร้ายมนุษย์
- กำจัด ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ‘ดีแทค’ กับเป้าหมาย ‘ZERO Landfill’ ภายในปี 2565