ในสหรัฐอเมริกา ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าหนึ่งในไอเท็มยอดฮิตที่จะขายดีในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็คือ “ลำโพงอัจฉริยะ” โดยมีการคาดการณ์จาก Adobe Analytics ระบุว่า การครอบครองอุปกรณ์เหล่านี้ของชาวอเมริกันจะเพิ่มขึ้นเป็น 48% หลังปีใหม่ผ่านพ้นไป จากเดิมในเดือนสิงหาคมที่มีอยู่แค่ 32% เท่านั้น
การซื้อลำโพงอัจฉริยะมาใช้งานยังทำให้ Voice Shopping หรือการสั่งซื้อด้วยเสียง ในสหรัฐอเมริกาเติบโตขึ้นอย่างมากด้วย โดย 30% ระบุว่า พวกเขาใช้เสียงสั่งให้ลำโพงอัจฉริยะซื้อข้าวของต่าง ๆ ให้ 47% สั่งให้ลำโพงอัจฉริยะเสิร์ชหาข้อมูล และ 32% สั่งให้ทำการเปรียบเทียบราคา
ไม่เพียงเท่านั้น Adobe ยังพบว่า กิจกรรมยอดนิยมสำหรับคนที่มีลำโพงอัจฉริยะแล้วก็คือ การฟังเพลง 70% ฟังพยากรณ์อากาศ 64% ตั้งเตือน 46% ซึ่งเป็นการสะท้อนว่า มนุษย์เริ่มคุ้นเคย และยอมรับการพูดคุยกับเครื่องจักรมากขึ้น และหากเทรนด์ยังเป็นไปเช่นนี้ ภายในต้นปี 2562 สหรัฐอเมริกาจะเป็นประเทศที่ประชากรมีลำโพงอัจฉริยะเกินครึ่งของประชากรในประเทศ และนั่นจะทำให้ตลาดกลายเป็นโอกาสทองของบรรดานักการตลาดไปในที่สุด
สำหรับประเทศไทย แม้จะมีการเปิดตัวลำโพงอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์บางรายอย่างแสนสิริ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตัวเลขการใช้งานนั้น ยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา และยังไม่มีแบรนด์ยักษ์ใหญ่ส่งลำโพงของตัวเองมาทำตลาดในประเทศไทยแต่อย่างใด
ด้านส่วนแบ่งตลาดของลำโพงอัจฉริยะในระดับโลก พบว่า ในไตรมาส 2 ของปี 2561 นั้น อเมซอนมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 41% ลดลงจาก 76% ในปีก่อนหน้า ส่วนกูเกิลมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 28% จากเดิมมีแค่ 16%
สิ่งที่ทำให้การใช้งานลำโพงอัจฉริยะของกูเกิลได้รับความนิยมมากอีกประการหนึ่งคือ เครื่องมือที่กูเกิลมีให้ โดยนักพัฒนาสามารถใช้เครื่องมือเหล่านั้นสร้างประสบการณ์ดี ๆ ให้กับแบรนด์ได้ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าสตาร์บัคส์สามารถใช้ Google Assistant ลงทะเบียนในสตาร์บัคส์รีวอร์ด และสามารถสะสมดาวจากการซื้อสินค้า รวมถึงจ่ายเงินได้ผ่านผู้ช่วยดิจิทัลเลย ซึ่งกูเกิลเผยด้วยว่า ช่องทางนี้ทำให้มีผู้ลงทะเบียนกับสตาร์บัคส์เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับการให้ผู้บริโภคลงทะเบียนด้วยตัวเอง
