J.I.B Computer Group (JIB) จับมือผู้เชี่ยวชาญฟินเทคเปิดตัว “JIBEX” (จิ๊บเอ็กซ์) เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบริหารจัดการด้านการลงทุนและซื้อขายเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี เฟสแรกเตรียมเปิดกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลในชื่อ JIBEX Wallet เดือนเมษายนนี้ พร้อมให้ความรู้ด้านการลงทุนผ่านเว็บไซต์ ก่อนจะมุ่งสู่บริการเทรดเงินดิจิทัลอย่าง JIBEX Exchange ภายในเดือนมิถุนายน ตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมการเทรดปีแรก 170 ล้านบาท
นายสมยศ เชาวลิต กรรมการผู้จัดการบริษัท J.I.B Computer Group หนึ่งในผู้ลงทุนในบริษัท JIBEX กล่าวว่า “ผมมองว่าโลกได้ก้าวสู่ยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในด้านต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องของการเงินและการลงทุน ซึ่งขณะนี้เรื่องการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) กลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ถูกจับตามองจากทั่วโลก และนับว่าเป็นโอกาสให้นักลงทุนปรับกลยุทธ์ และประสบความสำเร็จด้านการลงทุนในรูปแบบที่เป็นสากลมากยิ่งขึ้น”
บริษัทมีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นอยู่ที่ 5 ล้านบาท ซึ่งตั้งเป้าว่าในปีแรกจะมีผู้เข้ามาเทรดเงินหลักหมื่นคน และเม็ดเงินที่ใช้ในการเทรดเฉลี่ยต่อบัญชีอยู่ที่รายละ 50,000 บาทเป็นอย่างต่ำ
ทางด้าน ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ประธานกรรมการบริหารจิ๊บเอ็กซ์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารงานด้านฟินเทค กล่าวว่า จากประสบการณ์ในการบริหารและเป็นที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศมากว่า 10 ปี ร่วมกับทีมงานนักวางแผนการเงินมืออาชีพ (CFP) และ ผู้จัดการกองทุน (CFA) ที่มีประสบการณ์ด้านบริหารกองทุนมาอย่างยาวนานมีความตั้งใจพัฒนา JIBEX ให้เป็นเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นที่มีความปลอดภัย ความมั่นคง และตอบสนองนักลงทุนได้ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานจัดเก็บ จัดการ ลงทุน และแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และข่าวสารสำหรับนักลงทุนมือใหม่ และผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการลงทุนเงินดิจิทัลด้วย”
JIBEX จะเริ่มเปิดให้บริการเฟสแรกด้วยกระเป๋าสตางค์สำหรับเงินคริปโตในเดือนเมษายนนี้ โดยใช้งานได้ผ่านแอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์
ช่วงแรก JIBEX สามารถใช้ได้กับเงินดิจิทัล 5 สกุลได้แก่
- บิทคอยน์ (Bitcoin)
- อีเทอเรียม (Ethereum)
- ริปเปิล (Ripple)
- บิทคอยน์ แคช (Bitcoin Cash)
- ไลท์คอยน์ (Litecoin)
ส่วนในเฟสสอง JIBEX จะเปิดให้ผู้ใช้งานทำการเทรดสกุลเงินดิจิทัลระหว่างสกุลเงินดิจิทัลด้วยกัน หรือสกุลเงินดิจิทัล และสกุลเงินบาท (Exchange) เพื่อการลงทุน และเฟสที่สามจะเพิ่มฟังก์ชั่นในการช่วยเทรดต่างๆ เช่น Robot Trade เครื่องมือการเทรดอัจฉริยะที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนได้
อีกทั้ง จะมีการพัฒนาระบบ JIBEX เพื่อรองรับการซื้อของออนไลน์ (e-commerce) โดยชำระผ่านสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งจะเริ่มนำร่องด้วยการให้ผู้ใช้งานสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลซื้อของกับช็อปออนไลน์ของ JIB
ทั้งนี้ ในเฟสที่สี่ ซึ่งเป็นช่วงประมาณต้นปี 2562 นั้น คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการด้านการบริหารสินทรัพย์ (Wealth Management) ร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่ออำนวยการบริหารพอร์ทการเงินด้วยรวมทั้งการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ปกติทั่วไปด้วย
สำหรับขั้นตอนการทำ KYC (Know Your Customer) บนแอพพลิเคชั่นนั้น ทาง JIBEX จะมีการร่วมหารือและเปิดเผยในโอกาสต่อไป