Digital Economy

เปิดเทรนด์ใช้จ่ายบนสมาร์ทโฟนมุ่งสู่ ‘ไบโอเมทริกซ์’คาดแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ปี66

smartphone
การใช้จ่ายบนสมาร์ทโฟนจะมุ่งไปสู่การใช้ข้อมูลไบโอเมทริกซ์ยืนยันตัวตนก่อนซื้อ

จากที่มีการแชร์บนโลกโซเชียลเกี่ยวกับของเด็กปั๊มที่นำข้อมูลในบัตรเดบิตของลูกค้าที่มาเติมน้ำมันไปรูดซื้อไอเท็มในเกม ROV เป็นเงินหลายพันบาท จนทำให้มีหลายคนเกิดความสงสัยว่า ในยุคดิจิทัล ยุคแห่งการไม่จับต้องเงินสดกันนั้นจะปลอดภัยได้มากกว่านี้จริงหรือ หรือจะกลายเป็นยุคที่เต็มไปด้วยการฉ้อโกงในรูปแบบที่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันเรามีอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในการจับจ่ายใช้สอยในโลกอนาคตมาฝากกัน นั่นคือการยืนยันตัวตนโดยใช้ข้อมูลไบโอเมทริกซ์ เช่น ลายนิ้วมือ ม่านตา หรือการสแกนใบหน้า โดยมีการสำรวจจากจูนิเปอร์ รีเสิร์ชพบว่า การทำธุรกรรมทั้งในห้างสรรพสินค้า และการซื้อสินค้าบนสมาร์ทโฟนนั้นจะเกิดขึ้นโดยใช้ข้อมูลไบโอเมทริกซ์คิดเป็นมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2566

ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในปี 2561 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าทั้งสิ้น 124,000 ล้านดอลลาร์ ถึง 17 เท่า จูนิเปอร์เผยด้วยว่า ปัจจุบันมีสมาร์ทโฟน 5 พันล้านเครื่องที่รองรับการสแกนลายนิ้วมือ หรือคิดเป็น 80% ของสมาร์ทโฟนทั้งหมด แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีสมาร์ทโฟนที่รองรับการสแกนม่านตา และการสแกนใบหน้าเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 พันล้านเครื่องเป็นอย่างน้อย และการซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟนจะหันมาใช้ข้อมูลไบโอเมทริกซ์ยืนยันตัวตนเพิ่มขึ้นเป็น 57% จากยอดการทำธุรกรรมทั้งหมด

รายงานจากจูนิเปอร์ชี้ด้วยว่า ส่วนหนึ่งของการใช้ไบโอเมทริกซ์ในการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจาก “จีน” โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่มีการซื้อของผ่านสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จีนได้รับการวางตัวว่าจะเป็นผู้นำด้านการใช้ไบโอเมทริกซ์ในปี 2566 ด้วยยอดใช้งานกว่า 1.2 ล้านล้านครั้ง หรือคิดเป็น 42.3% ของตลาดในขณะนั้น

ด้วยเหตุนี้สิ่งที่จะตามมาในระหว่างทางนี้คือการพัฒนาเทคโนโลยีด้านไบโอเมทริกซ์ให้ปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มไบโอเมทริกซ์แบบเปิดเพื่อให้ผู้ใช้งานสะดวกใจที่จะใช้มากขึ้น

อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เครื่องยืนยันได้เลยว่า อนาคต เงินของเราจะปลอดภัย มันเป็นเพียงการชี้ช่องทางว่า เราจะมีทางเลือกในการชำระเงินในหลาย ๆ แบบที่ปลอดภัยมากขึ้นกว่าการยื่นบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตให้กับคนแปลกหน้าเพื่อไปชำระค่าสินค้าหรือบริการเท่านั้น โดยสิ่งที่จะทำได้เพื่อให้ทรัพย์สินปลอดภัยนั้น ต้องเริ่มต้นที่ตัวเองเป็นอันดับแรก เช่น การตั้งค่าให้ระบบเตือนเข้ามาเมื่อมีการใช้จ่าย, การไม่โพสต์ข้อมูลส่วนตัวลงบนช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือช่องทางอื่น ๆ นั่นเอง

Avatar photo